โฆษณาต้านคอรัปชั่น

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีการปลูกผัก

วิธีการปลูกผักสวนครัว
1. การปลูกผักในแปลงปลูก มีขั้นตอน คือ
1.1 การพรวนดิน ใช้จอบขุดดินลึกประมาณ 6 นิ้ว เพื่อพรวนดินให้มีโครงสร้างดีขึ้น กำจัดวัชพืชในดินกำจัดไข่แมลงหรือโรคพืชที่อยู่ในดิน โดยการพรวนดินและตากทิ้งไว้ประมาณ 7-15 วัน
1.2 การยกแปลง ใช้จอบพรวนยกแปลงสูงประมาณ 4-5 นิ้ว จากผิวดิน โดยมีความกว้างประมาณ 1-1.20 เมตร ส่วนความยาวควรเป็นตามลักษณะของพื้นที่หรืออาจแบ่งเป็นแปลงย่อยๆ ตามความเหมาะสม ความยาวของแปลงนั้นควรอยู่ในแนวทิศเหนือ - ใต้ ทั้งนี้เพื่อให้ผักได้รับแสงแดดทั่วทั้งแปลง
1.3การปรับปรุงเนื้อดินเนื้อดินที่ปลูกผักควรเป็นดินร่วนแต่สภาพ ดินเดิมนั้นอาจจะเป็นดิน ทรายหรือดินเหนียว จำเป็นต้องปรับปรุงให้เนื้อดินดีขึ้นโดยการใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก อัตราประมาณ 2-3 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่ 1 ตารางเมตร คลุกเคล้าให้เข้ากัน
1.4การกำหนดหลุมปลูกจะกำหนดภายหลังจากเลือกชนิด ผักต่างๆ แล้วเพราะว่าผักแต่ละชนิดจะใช้ระยะปลูกที่ต่างกัน เช่น พริก ควรใช้ระยะ 75*100 เซนติเมตร ผักบุ้งจะเป็น 5*5 เซนติเมตร เป็นต้น
2.การปลูกผักในภาชนะการปลูกผักในภาชนะควรจะ พิจารณาถึงการหยั่งรากของพืชผักชนิดนั้นๆ พืชผักที่หยั่งรากตื้นสามารถปลูกได้ดีในภาชนะปลูกชนิดต่างๆ และภาชนะชนิดห้อยแขวนที่มีความลึก ไม่เกิน 10 เซนติเมตร คือ
ผักบุ้งจีน คะน้าจีน ผักกาดกวางตุ้ง (เขียวและขาว) ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดหอม ผักกาดขาวชนิดไม่ห่อ (ขาวเล็ก ขาวใหญ่) ตั้งโอ๋ ปวยเล้ง หอมแบ่ง (ต้นหอม) ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักโขมจีน กระเทียมใบ (Leek) กุยช่าย กระเทียมหัว ผักชีฝรั่ง บัวบก สะระแหน่ แมงลัก โหระพา (เพาะเมล็ด) กะเพรา (เพาะเมล็ด) พริกขี้หนู ตะไคร้ ชะพลู หอมแดง หอมหัวใหญ่ หัวผักกาดแดง (แรดิช)
วัสดุที่สามารถนำมาทำเป็นภาชนะปลูกอาจดัดแปลงจากสิ่งที่ใช้แล้ว เช่น ยางรถยนต์เก่า กะละมัง ปลอกซีเมนต์ เป็นต้น สำหรับภาชนะแขวนอาจใช้ กาบมะพร้าว กระถาง หรือเปลือกไม้
วิธีการปลูกผักในภาชนะแย่งออกได้เป็น 2 วิธี
2.1 เพาะเมล็ดด้วยการหว่านแล้วถอนแยกหรือหยอดเป็นแถวแล้วถอนแยก ซึ่งพืชที่ควรปลูกด้วยวิธีนี้ ได้แก่
- ผักบุ้งจีน - คะน้าจีน - ผักกาดขาวกวางตุ้ง
- ผักกาดเขียวกวางตุ้ง - ผักฮ่องเต้(กวางตุ้งไต้หวัน)
- ตั้งโอ๋ - ปวยเล้ง - ผักกาดหอม
- ผักโขมจีน - ผักชี - ขึ้นฉ่าย
- โหระพา - กระเทียมใบ - กุยฉ่าย
- หัวผักกาดแดง - กระเพรา - แมงลัก
- ผักชีฝรั่ง - หอมหัวใหญ่
2.2 ปักชำด้วยต้น และหัว ได้แก่
- หอมแบ่ง (หัว) - ผักชีฝรั่ง - กระเทียมหัว (ใช้หัวปลูก)
- หอมแดง (หัว) - บัวบก (ไหล) - ตะไคร้ (ต้น)
- สะระแหน่ (ยอด) - ชะพลู (ต้น) - โหระพา กิ่งอ่อน)
- แมงลัก (กิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน)
หมายเหตุ มีบางพืชที่ปลูกด้วยหัว หรือส่วนของต้นก็ได้ปลูกด้วยเมล็ดก็ได้ ดังนั้นจึงมีชื่อผักที่ซ้ำกันทั้งข้อ1และ 2

ผักในภาชนะ
การปฏิบัติดูแลรักษา
การดูแลรักษาด้วยความเอาใจใส่ จะช่วยให้ผักเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์จนถึงระยะเก็บเกี่ยว การดูแลรักษาดังกล่าว ได้แก่
1. การให้น้ำ การปลูกผักจำเป็นต้องให้น้ำเพียงพอ การให้น้ำผักควรรดน้ำในช่วง เช้า- เย็น ไม่ควรรดตอนแดดจัด และรดน้ำแต่พอชุ่มอย่าให้โชก
2. การให้ปุ๋ย มี 2 ระยะคือ
2.1 ใส่รองพื้นคือการใส่เมื่อเวลาเตรียมดิน หรือรองก้นหลุมก่อนปลูก ปุ๋ยที่ใส่ควรเป็นปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก คลุกในดินให้ทั่วก่อนปลูกเพื่อปรับโครงสร้างดินให้โปร่งร่วนซุย นอกจากนั้นยังช่วยในการอุ้มน้ำและรักษาความชื้นของดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืชด้วย
2.2 การใส่ปุ๋ยบำรุง ควรใส่ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อย้ายกล้าไปปลูกจนกล้าตั้งตัวได้แล้ว และใส่ครั้งที่ 2 หลังจากใส่ครั้งแรกประมาณ 2-3 สัปดาห์ การใส่ให้โรยบางๆ ระหว่างแถว ระวังอย่าให้ปุ๋ยอยู่ชิดต้น เพราะจะทำให้ผักตายได้ เมื่อใส่ปุ๋ยแล้วให้พรวนดินและรดน้ำทันที สูตรปุ๋ยที่ใช้กับพืชผัก ได้แก่ ยูเรีย หรือ แอมโมเนียซัลเฟต สำหรับบำรุงต้นและใบ และปุ๋ยสูตร 15-15-15 และ 12-24-12 สำหรับเร่งการออกดอกและผล
3. การป้องกันกำจัดศัตรูพืช ควรบำรุงรักษาต้นพืชให้แข็งแรงโดยการกำจัดวัชพืช ให้น้ำอย่างเพียงพอและใส่ปุ๋ยตามจำนวนที่กำหนดเพื่อให้ผักเจริญเติบโต แข็งแรง ทนต่อโรคและแมลง หากมีโรคและแมลงระบาดมากควรใช้สารธรรมชาติ หรือใช้วิธีกลต่างๆ ในการป้องกันกำจัด เช่น หนอนต่างๆ ใช้มือจับออก ใช้พริกไทยป่นผสมน้ำฉีดพ่น ใช้น้ำคั้นจากใบหรือเมล็ดสะเดา ถ้าเป็นพวกเพลี้ย เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย และเพลี้ยจั๊กจั่น ให้ใช้น้ำยาล้างจาน 15 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใต้ใบเวลาเย็น ถ้าเป็นพวกมด หอย และทาก ให้ใช้ปูนขาวโรยบางๆ ลงบริเวณพื้นดิน
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวผักควรเก็บในเวลาเช้าจะทำให้ได้ผักสดรสดี และหากยังไม่ได้ใช้ให้ล้างให้สะอาด และนำเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับผักประเภทผลควรเก็บในขณะที่ผลไม่แก่จัด จะได้ผลที่มีรสดีและจะทำให้ผลดก หากปล่อยให้ผลแก่คาต้น ต่อไปจะออกผลน้อยลง
สำหรับในผักใบหลายชนิด เช่นหอมแบ่ง ผักบุ้งจีน คะน้า กะหล่ำปลี การแบ่งเก็บผักที่สดอ่อนหรือโตได้ขนาดแล้ว โดยยังคงเหลือลำต้นและรากไว้ไม่ถอนออกทั้งต้น รากหรือต้นที่เหลืออยู่จะสามารถงอกงามให้ผลได้อีกหลายครั้ง ทั้งนี้จะต้องมีการดูแลรักษาให้น้ำและปุ๋ยอยู่ การปลูกพืชหมุนเวียนสลับชนิดหรือปลูกผักหลายชนิดในแปลงเดียวกัน และปลูกผักที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นบ้างยาวบ้างคละกันในแปลงเดียวกัน หรือปลูกผักชนิดเดียวกันแต่ทยอยปลูกครั้งละ 3-5 ต้น หรือประมาณว่าพอรับประทานได้ในครอบครัวในแต่ละครั้งที่เก็บเกี่ยว ก็จะทำให้ผู้ปลูกมีผักสดเก็บรับประทานได้ทุกวันตลอดปี
การบริโภคผักให้ปลอดภัยจากสารพิษ
การปลูกผักไว้รับประทานเอง เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ได้บริโภคผักที่ปลอดภัยจากสารพิษ แต่ทุกครอบครัวคงไม่สามารถปลูกผักทุกชนิดไว้รับประทานเองได้ ดังนั้นการต้องซื้อหาผักจากตลาดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ ทั้งนี้ผักต่าง ๆ เหล่านี้อาจจะปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยจากสารพิษตกค้างก็ได้ ดังนั้นควรมีการล้างผักให้ถูกวิธีและให้ปลอดภัยจากสารพิษมากที่สุด วิธีการล้างผักให้สะอาดเพื่อลดปริมาณสารพิษ สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกดังนี้
1. ลอกหรือปอกเปลือกแล้วแช่ในน้ำสะอาด นาน 5-10 นาที หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง จะช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72
2. แช่น้ำปูนใสนาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-52
3. แช่โฮโดรเจนเพอร์ออกไซน์นาน 10 นาที (โฮโดรเจนเพอร์ออกไซน์ 1 ช้อนชา ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-50
4. แช่น้ำด่างทับทิมนาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 4 ลิตร ) และล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43
5. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อกนาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39
6. แช่น้ำซาวข้าวนาน 10 นาที และล้างด้วยน้ะสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
7. แช่น้ำเกลือนาน 10 นาที (เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำะสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38
8. แช่น้ำส้มสายชูนาน 10 นาที (น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-36
9. แช่น้ำยาล้างผักนาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 22-36

วิธีเช็ดกระจก


เคล็ดลับเช็ดกระจกให้สะอาด
   ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อาจทำให้กระจกสกปรกได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเคล็ดลับการเช็ดกระจกให้สะอาดมาฝากกัน...

- แอมโมเนียหรือเรียกอีกอย่างว่า "เยี่ยวอูฐ" หยดลง 2-3 หยด ผสมกับในน้ำครึ่งถัง ใช้ล้างกระจกเงาและกระจกหน้าต่าง จะเป็นเงางามไม่สกปรกง่าย

- นำเกลือผสมกับน้ำ คนให้ละลาย ใช้ล้างสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนจากกระจกได้ง่าย

- โซดาที่ใช้ทำขนม (โซดาไบคาร์บอเนต) สามารถนำมาทำความสะอาดกระจกได้ จะช่วยให้กระจกดูใสมากขึ้น

- แอลกอฮอล์ผสมกับน้ำอย่างละเท่า ๆ กัน ราดบนแผ่นหนังสือพิมพ์ ใช้ขัดกระจกเป็นเงางาม

- นำกระดาษหนังสือพิมพ์ขยุ่มชุบน้ำเช็ดกระจก จะใสสะอาดกว่าใช้สบู่หรือผงซักฟอก และใช้แทนน้ำยาเช็ดกระจกได้ และเวลาทำความสะอาดหน้าต่างให้เช็ดสลับกัน ด้านหนึ่งใช้เช็ดตามขวางของแผ่นกระจก อีกด้านหนึ่งเช็ดตามยาวจะเห็นรอยสกปรกได้ชัดกว่าเช็ดไปตามทางเดียวกัน

- กลีเซอรีน ใช้ถูกระจกให้ทั่ว ป้องกันกระจกเปียกชื้น หรือน้ำค้างเกาะกระจกเป็นฝ้า

- สารส้มผสมเบียร์ ใช้ทากระจกที่มัวเป็นฝ้าแล้วใช้ผ้าขัด กระจกจะใส
- สารส้มผสมเบียร์ ใช้ทากระจกที่มัวเป็นฝ้าแล้วใช้ผ้าขัด กระจกจะใสแวววาว

- ดีเกลือผสมเบียร์ ใช้เช็ดกระจกกันฝ้าขุ่นมัว

- แอมโมเนียกับน้ำส้มสายชูผสมกัน ใช้เช็ดกระจกให้ใสสะอาด หมดคราบมัน

- วิธีเช็ดยางขอบเทปที่ติดกระจกให้ออก ให้ใช้น้ำมันเบนซินหรือทินเนอร์ชุบสำลีเช็ดกระจก

ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ เพราะได้มีกระจกที่สะอาด
ปราศจากสิ่งสกปรก
โดย: นิด [16 พ.ค. 50 12:39> ( IP A:90.197.227.47 X: ) 

วิธีการกวาดบ้าน


วิธีการกวาดบ้าน


กวาดบ้านถูบ้านช่วยคลายจิตซึมเศร้า

ชี้ส่วนผู้ใหญ่วัยกลางคน ช่วยลดความชราลงได้ถึง 12 ปี

          ผลวิจัยพบการทำงานบ้านกับการออกกำลังกาย  ช่วยขจัดความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้ และหากเป็นผู้ใหญ่วัยกลางคนยังช่วยลดความชราลงได้ถึง 12 ปีด้วย

          รายงานในวารสารวิทยาศาสตร์การกีฬาอังกฤษระบุว่า  การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องแค่  20 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น ทำความสะอาดบ้าน วิ่งจ๊อกกิ้ง สามารถลดอาการซึมเศร้าได้ ยิ่งออกกำลังกายบ่อยๆ และมากๆ ก็ยิ่งเป็นผลดี

          นักวิจัยของมหาวิทยาลัยคอลเลจ  ลอนดอน  ได้สำรวจข้อมูลของประชาชน 20,000 คนที่ออกกำลังกายทุกวัน เพื่อศึกษาผลที่มีต่อสภาพจิตใจและงานวิจัยอีกชิ้น ในวารสารฉบับเดียวกันพบว่า  ผู้ใหญ่วัยกลางคนและคนชราที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะแก่ตัวช้าลง

          ในจำนวนชาวสกอต 20,000 คนดังกล่าว มี 3,000 คนที่บอกว่าตัวเองรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวล ผลวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังกายจะมีแนวโน้มน้อยลงที่จะมีอาการดังกล่าว การเล่นกีฬาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งจะลดความเสี่ยงได้ 33% ขณะที่การทำงานบ้านและการเดินจะช่วยลดได้ 20%

          อย่างไรก็ดี  การทำกิจกรรมเพียงเล็กน้อย  เช่น  ปัดฝุ่น หรือเดินไปขึ้นรถเมล์ จะไม่ส่งผลดีดังกล่าว    นักวิจัยบอกว่ากิจกรรมในที่นี้หมายถึงงานที่ต้องใช้เวลาทำครั้งละอย่างน้อย  20  นาที  และมีการออกกำลังกายจนเหนื่อยหอบ

          นักวิจัยยอมรับว่า การนำข้อมูลนี้ไปใช้รณรงค์ออกจะเป็นเรื่องลำบาก เพราะคนที่อมทุกข์มักจะไม่ออกกำลังกายตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว

          "งานวิจัยหลายชิ้นได้ระบุถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายที่มีต่อสุขภาพของจิตใจ เป็นครั้งแรกที่เราสามารถระบุปริมาณของการออกกำลังกายที่จำเป็นได้ แต่ยอมรับว่าคนที่เครียดหรือวิตกกังวลนั้น ไม่มีกะจิตกะใจจะไปจ๊อกกิ้ง" มาร์ก เฮเมอร์ แห่งคอลเลจลอนดอนกล่าว

          ริชาร์ด  โคลวิล  โฆษกของเซน หน่วยงานการกุศลด้านสุขภาพ บอกว่า งานวิจัยนี้ทำให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้าเกิดความหวังว่า การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพียงเล็กน้อยก็ช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้นได้

          งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่า  การออกกำลังกายสามารถชะลอความแก่ได้  นักวิจัยของมหาวิทยาลัยโทรอนโทบอกว่า  การออกกำลังกายแบบมีการเคลื่อนไหวร่างกายในคนวัยกลางคนขึ้นไป ทำให้ร่างกายใช้ออกซิเจนในการผลิตพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

          หลังจากศึกษากลุ่มผู้ใหญ่ในวัย 55-85 ปี จำนวน 400 คน นักวิจัยพบว่าการออกกำลังกายที่ว่านี้ได้ชะลอภาวะชราภาพได้ถึง 12 ปี

          นักวิจัยบอกว่า  วัยชราไม่ใช่อุปสรรคของการออกกำลังกาย ซึ่งอาจเป็นการเต้นรำ หรือว่ายน้ำก็ได้


กฎของลูกเสือ


กฎของลูกเสือ
ไอคอนของ IDevice กฎคืออะไร
กฏ คือ ข้อบัญญัติหรือกำหนดสำหรับเป็นแนวทางให้ลูกเสือนำไปปฏิบัติ
มีด้วยกันทั้หมด 10 ข้อ กฎของลูกเสือไม่ใช่ข้อห้ามหรือข้อบังคับ
แต่เป็นหลักปฏิบัติที่ลูกเสือจะต้องทำด้วยความสมัครใจ ด้วยวิญาณของลูกเสือ
ซึ่้่งมีรายละเอียดดังนี้
1. ลูกเสือมีเกียรติเชื่อถือได้
2. ลูกเสือมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

3. ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น
4. ลูกเสือเป็นมิตรของคนทุกคนและเป็นพี่น้องกับลูกเสืออื่นทั่วโลก
5. ลูกเสือเป็นผู้สุภาพเรียบร้อย
6. ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์
7. ลูกเสือเชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา มารดา และผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ
8. ลูกเสือมีใจร่าเริงและไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
9. ลูกเสือเป็นผู้มัธยัสถ์
10.ลูกเสือประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ

วันครู


ความหมาย
          ครู หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน; ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ
 
ความเป็นมา
          วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า“ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง” จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติเห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครูกันประชาชน ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ให้วันที่ ๑๖ มกราคมของทุกปีเป็น “วันครู” โดยเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้
 
การจัดงานวันครู
          การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้แก่อนุชนรุ่นหลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือ หนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ

          การจัดงานวันครูได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรม ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดเวลา ในปัจจุบันได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครู จะมีกิจกรรม ๓ ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ 
1. กิจกรรมทางศาสนา
2. พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
3. กิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็นการแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น

           ปัจจุบันการจัดงานวันครู ได้มีการกำหนดให้จัดพร้อมกันทั่งประเทศ สำหรับในส่วนกลางจัดที่หอประชุมคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการจัดงานวันครู ซึ่งมีปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน ประกอบด้วยบุคคลหลายอาชีพร่วมกันเป็นผู้จัด สำหรับส่วนภูมิภาคมอบให้จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยตั้งคณะกรรมการจัดงานวันครูขึ้นเช่นเดียวกับส่วนกลางจะจัดรวมกันที่จังหวัดหรือแต่ละอำเภอก็ได้
          รูปแบบการจัดงานในส่วนกลาง (หอประชุมคุรุสภา) พิธีจะเริ่มตั้งแต่เช้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภา คณะกรรมการจัดงานวันครู พร้อมด้วยครูอาจารย์และประชาชนร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์ จำนวน ๑,๐๐๐ รูป หลังจากนั้นทุกคนที่มาร่วมงานจะเข้าร่วมพิธีในหอประชุมคุรุสภา นายกรัฐมนตรีเดินทางมาเป็นประธานในงาน ดนตรีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ นายกรัฐมนตรีบูชาพระรัตนตรัย ประธานสงฆ์ให้ศีล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วพิธีบูชาบูรพาจารย์โดยครูอาวุโสนอกประจำการจะเป็นผู้กล่าวนำพิธีสวดคำฉันท์รำลึกถึงประคุณบูรพาจารย์ 
 
มารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู
1. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
2. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
3. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้
4. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
5. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
6. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
7. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตน
8. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ
9. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา
10. รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน
 
คำปฏิญาณตนของครู
ข้อ 1. ข้าจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2. ข้อจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3. ข้าจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็น
 
บทสวดเคารพครูอาจารย์
 
คาถา ปาเจราจริยา โหนฺติ คุณุตฺตรานุสาสกา (วสันตดิลกฉันท์)
(สวดนำ) ปาเจราจริยา โหนติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกาปญญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ
ข้าขอประณตน้อมสักการ บุรพคณาจารย์
ผู้ก่อประโยชน์ศึกษา
ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา
แก่ข้าในกาลปัจจุบัน
ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์
ด้วยใจนิยมบูชา
ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน
อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี
แก่ชาติและประเทศไทย เทอญฯ
ข้าขอประนมกระพุ่ม
อภิวาทนาการ
กราบคุณอดุลคุรุประทาน
หิตเทิดทวีสรร
สิ่งสมอุดมคติประพฤติ
นรยึดประครองธรรม์
ครูชี้วิถีทุษอนันต์
อนุสาสน์ประภาษสอน
ให้เรืองและเปรื่องปริวิชาน
นะตระการสถาพร
ท่านแจ้งแสดงนิติบวร
ดนุยลยุบลสาร
โอบเอื้อและเจือคุณวิจิตร
ทะนุศิษย์นิรันดร์กาล
ไปเปื่อก็เพื่อดรุณชาญ
ลุฉลาดประสาทสรรพ์
บาปบุญก็สุนทรแถลง
ธุระแจงประจักษ์ครัน
เพื่อศิษย์สฤษฎ์คตจรัล
มนเทิดผดุงธรรม
ปวงข้าประดานิกรศิษ
(ษ) ยะคิดระลึกคำ
ด้วยสัตย์สะพัดกมลนำ
อนุสรณ์เผดียงคุณ
โปรดอวยพรสุพิธพรอเนก
อดิเรกเพราะแรงบุญ
ส่งเสริมเฉลิมพหุลสุน-
ทรศิษย์เสมอเทอญฯ

ผลไม้ส่งออกต่างประเทศ



ผลไม้ส่งออกต่างประเทศ
       
กรมการค้าต่างประเทศออกประกาศฉบับใหม่กำหนดให้สินค้าผักและผลไม้ตามชนิดหรือประเภทที่ส่งออกไปยัง
ประเทศปลายทางตามที่กำหนดเป็นสินค้าที่ผู้ส่งออกต้องมีหนังสือรับรองสารตกค้างจากกรมวิชาการเกษตร โดยผู้ส่งออกต้องส่ง
ตัวอย่างให้กรมวิชาการเกษตร หรือห้องปฏิบัติการของหน่วยงานอื่นที่กรมวิชาการเกษตรให้การรับรองตรวจสอบสารตกค้าง และ
จุลินทรีย์ปนเปื้อนตามความเหมาะสมและความจำเป็นตามชนิดหรือประเภทของผัก ผลไม้ เพื่อให้ออกหนังสือรับรองตามที่
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด เพื่อนำมาใช้แสดงต่อกรมศุลกากรประกอบการส่งออกสินค้าดังกล่าวทุกครั้ง
  1. สินค้าที่ต้องตรวจสอบสารตกค้าง และต้องมีหนังสือรับรองสารตกค้าง
    ผลไม้ ลำไย ทุเรียน ลิ้นจี่ มังคุด มะขาม มะม่วง ส้มโอ 
    ผัก
     หน่อไม้ฝรั่ง ขิง พริก กระเจี๊ยบสด ข้าวโพดฝักอ่อน
  2. สารตกค้างที่ต้องตรวจสอบ
    ประเทศปลายทาง
    ประเภทสาร
    กลุ่มสาร
    ชนิดสาร
    สิงคโปร์ มาเลเซีย
    ญี่ปุ่น สาธารณรัฐ
    ประชาชนจีน ฮ่องกง
    สหภาพยุโรป
    และสหรัฐอเมริกา
    สารกำจัดแมลงOrganochlorines1. aldrin
    2. dieldrin
    3. endrin
    4. endosulfan(alpha)
    5. endosulfan(beta)
    6. endosulfan(sulfate)
    7. heptachlor
    8. heptachlor epoxide
    9. lindane
    10. p,p’-DDE
    11. p,p’-TDE
    12. p,p’-DDT
    13. o,p’-DDT’ 
    Organophosphates1. chlorpyrifos
    2. diazinon
    3. dicrotopnos
    4. dimetnoate
    5. fenitrothion
    6. malathion
    7. mevinphos
    8. methamidophos
    9. monocrotophos
    10. parathion-methyl
    11. pirimiphso-ethyl
    12. pirimiphos-methyl
    13. profenofos
    14. porthiophos
    15. triazophos
    Pyrethroids1. cypermethrin
    2. cyhalothrin
    3. cyfluthrin
    4. deltamethrin
    5. fenvalerate
    6. lamda-cyhalothrin
    Carbamates1. methomyl
    2. BPMC
    3. Carbofuran
    4. Carbaryl
    สารกำจัดโรคพืชDithiocarbamates1. mancozeb
    2. maneb
    3. propineb
    4. zineb
    Benzimidazoles1. benomyl
    2. carbendazim
    3. thiophanate- methyl
    สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง สห
    ภาพยุโรป สหรัฐ
    อเมริกา และ
    สาธารณรัฐประชา
    ชนจีน
    สารกำจัดโรคพืช-Captan และ metalaxy
    สารกำจัดวัชพืช-1. 2,4-D
    2. paraquat
    3. ametryn, atrazine,
    bromacil
    4. diuron
  3. สินค้าผักที่ต้องตรวจสอบจุลินทรีย์ปนเปื้อน และต้องมีหนังสือรับรองสารตกค้าง 
    ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ใบกระเพรา ใบโหระพา ผักแขยง ใบสะระแหน่ ผักแพรว ต้นหอม ผักคื่นไช่ ใบกุยไช่
    ชะอม ตะไคร้ ผักบุ้ง ผักแว่น ผักกระเฉด ใบบัวบก ใบชะพลู ผักโขมแดง ถั่วฝักยาว หน่อไม้ฝรั่ง พริกขี้หนูและผักปลัง
    ประเทศปลายทาง
    จุลินทรีย์ปนเปื้อนที่ต้องตรวจสอบ
    ราชอาณาจักรนอร์เวย์
    สาธารณรัฐไอซ์แลนด์
    และสหภาพยุโรป
    1. Escherichia Coli
    2. Salmonella spp.

       ทั้งนี้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุมสารตกค้างและการออกหนังสือรับรองสารตกค้างให้
เป็นไปตามเกณฑ์ที่กรมวิชาการเกษตรกำหนดและประกาศฉบับดังกล่าวนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2549
เป็นต้นไป



ที่มา : สถาบันอาหาร www.nfi.or.th (Food Alert : 27/04/25

การซ่อมไฟฟ้า


  การซ่อมไฟฟ้า

หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
   ในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีนผลิตเลียนแบบ ยี่ห้อ BOSCH ซึ่งผลิตมาจากประเทศเยอรมัน  
   จึงมีสินค้าหลากหลายยี่ห้อ ขนาดและรูปทรงของชิ้นส่วนอะไหล่ เหมือนกันกับสว่าน BOSCH รุ่น UBH 2/20  และ    สามารถใส่อะไหล่แท้ ของ BOSCH ได้  สว่านรุ่นนี้จึงมีเป็นจำนวนมากในท้องตลาด เช่น
   YOCA ,MASAWA , OKURA , SAMTO , BUSS , PUMKLIN , ALBERT และยี่ห้ออื่นๆอีกมาก
   ท่านสามารถซ่อมสว่านโรตารี่ที่มีรูปทรงตามหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน
  
   หนังสือเล่มนี้นำเสนอเน้นหนักในสาระด้าน  
   เจาะลึก  ถึงระบบของชุดเกียร์  ชุดมอเตอร์
   การวินิจฉัยถึงอาการชำรุดบกพร่องของเครื่องมือไฟฟ้า     

   หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
   ราคา เล่มละ   250  บาท   รหัสสินค้า B 001


001   หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
   ในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีนผลิตเลียนแบบ ยี่ห้อ BOSCHซึ่งผลิตมาจากประเทศเยอรมัน  
   จึงมีสินค้าหลายรุ่นถูกก๊อปปี้ไปเป็นจำนวนมาก  ผู้ผลิตสินค้า BOSCH จึงได้ผลิตรุ่นใหม่ๆ ออกมา
   เป็นจำนวนมากเช่นกัน และได้ทำให้ระบบชุดเกียร์ซับซ้อนกว่ารุ่นก่อนๆด้วย
   สว่านโรตารี่ BOSCH รุ่น GBH 2-18RE  เป็นสว่านโรตารี่ขนาด 2 กิโล ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้
   ท่านสามารถซ่อมสว่านโรตารี่ที่มีรูปทรงตามหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน
   หนังสือเล่มนี้นำเสนอสาระ 
   เจาะลึก  ถึงระบบของชุดเกียร์  ชุดมอเตอร์    

   การวินิจฉัยถึงอาการชำรุดบกพร่องของเครื่องมือไฟฟ้า  การซ่อมอย่างไรให้ประหยัดเงิน  และ ทำอย่างไรให้อะไหล่    SWITCHING ในเครื่องสามารถใช้งานได้ถึงสองครั้ง แบบ100 %  และ ไม่มีผลเป็นอันตรายกับเครื่อง   

   หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า 
   ราคา เล่มละ   450  บาท   รหัสสินค้า B 002 
   



   หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
   ในปัจจุบันนี้ผู้ผลิตสินค้าในประเทศจีนผลิตเลียนแบบ ยี่ห้อ BOSCH
   ซึ่งผลิตมาจากประเทศเยอรมันเราคงต้องยอมรับกันว่า ผู้ผลิตเครื่องมือไฟฟ้า
   ในประเทศจีนนั้นหายใจรดต้นคอ  ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องมือเยอรมัน 
   แบบชนิดตามกันมาติดๆ  การจะก้าวให้ทันโลกแห่งเทคโนโลยีของเครื่องมือไฟฟ้านั้น 
   ในปัจจุบัน การคิด  การคำนวณ  แรงผลักของแม่เหล็ก  ความแข็งของเฟือง  การระบายลมร้อน   
   ที่ออกจากชุดมอเตอร์   ตลอดจน ความคิดต่างๆ ที่ใช้เวลานานนับปี  
   ทันทีที่สินค้าเอาออกมาขายไม่นาน ของก๊อปก็ตามมาบานเบอะ การก๊อปปี้การลอกเลียนแบบนั้นมันแสนจะสบาย
   และรวดเร็ว แทบทุกสิ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มี  คือ 
   การเป็นผู้นำทางด้านความคิด เขาเป็นได้เพียงแค่.......ผู้ตามเท่านั้น!!    เราจึงสามารถเรียนรู้จากของเลียนแบบได้
   มีสินค้าจากผู้ผลิตสินค้า BOSCH หลายรุ่นถูกก๊อปปี้ไปเป็นจำนวนมาก รุ่นนี้ก็เช่นเดียวกัน  สว่านโรตารี่
   BOSCH รุ่น GBH 2 -26 DFR  เป็นสว่านโรตารี่ที่ได้รับความนิยมมากในขณะนี้
   ท่านสามารถซ่อมสว่านโรตารี่ที่มีรูปทรงตามหน้าปกของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน
   หนังสือเล่มนี้นำเสนอสาระ   เจาะลึก  ถึงระบบของชุดเกียร์  ชุดมอเตอร์ 
   การวินิจฉัยถึงอาการชำรุดบกพร่องของเครื่องมือไฟฟ้า  การถอดและ ประกอบอย่างไรให้ถูกวิธี่ 
   หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
                                                                ราคา เล่มละ   350  บาท
 
  
รหัสสินค้า B 003    

    หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
    
ทุกวันนี้ เกี่ยวกับเรื่อง ไดนาโม และ มอเตอร์  ไม่ใช่เรื่องใหม่                

    เป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์คิดค้นภาคทฤษฎีขึ้น  ส่วนภาคปฏิบัติ  
    มักถูกละเลย....  และมองข้าม   แท้จริงแล้ว      งานภาคปฏิบัติ  คือ การต่อยอดทางปัญญาที่ยิ่งใหญ่
    
จากรากฐานภาคทฤษฎี  ความทันสมัยในยุคปัจจุบัน หากเราไม่เก็บเกี่ยวประสบการณ์  และถ่ายทอดให ้    
    กับอนุชนรุ่นหลังแล้ว มันก็ไม่แตกต่างอะไรกับการ  ที่อนุชนรุ่นหลัง  ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่  ในภาคปฏิบัติ 
    และมันจะเวียนวนอยู่อย่างนั้น   เสียเวลาที่ต้องฝึกฝนใหม่อยู่อย่างนั้น  ประสบการณ์ ของผู้ที่มีฝีมือจะหายไป 
   
    ด้วยความตายของเขา.....

    หนังสือเล่มนี้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อันสำคัญของการซ่อมและนำเสนอสาระเจาะลึกถึงระบบของชุดเกียร์
    ชุดมอเตอร์ การวินิจฉัยถึงอาการชำรุดบกพร่องของเครื่องมือไฟฟ้า 
    ตลอดจนการถอดการประกอบอย่างไรให้ถูกวิธี

    หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
    ราคา เล่มละ   250  บาท  รหัสสินค้า B 004 
   
                                                  

    หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
    เครื่องเจียร์ maktec  รุ่น  MT 950  และ   MT 954
    ได้พัฒนา ส่วนท้ายของ ทุ่น ที่ ตลับลูกปืนซึ่งใน  MAKITA  รุ่น 9500 Nไม่มี
    โดยออกแบบให้  เครื่อง maktec  รุ่น  MT 950  และ   MT 954  
    ใช้ตลับลูกปืนท้ายทุ่นเล็กลงโดยใช้ตลับลูกปืนเบอร์ 607  และ
    ใช้ยางครอบที่ท้ายทุ่นให้ขนาดใหญ่เท่ากันกับ ตลับลูกปืนเบอร์ 627
    โดยเสื้อมอเตอร์ยังคงใช้ ขนาดของเบ้าตลับลูกปืน ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าเดิม
    ซึ่งเท่ากันกับ  เครื่อง  MAKITA  รุ่น 9500 N  ซึ่งเดิมใช้ตลับลูกปืนเบอร์ 627
    ฉะนั้น สินค้า maktec  รุ่น  MT 950  และ  MT 954   จึงเป็น
    สินค้าที่พัฒนา อย่างต่อเนื่อง โดยขจัดปัญหาเสื้อมอเตอร์ละลาย
    ซึ่งปรากฏอยู่ใน MAKITA  รุ่น 9500 N  อย่างสิ้นเชิง
    ในปัจจุบันนี้ MAKITA  รุ่น 9500 N ก็ได้พัฒนา ขึ้นโดย ผลิตรุ่นใหม่ออกมา
     และ มียางครอบตลับลูกปืนท้ายทุ่น  คือรุ่น  MAKITA  รุ่น 9500 NB 
    อ่านหนังสือเล่มนี้เล่มเดียวสามารถซ่อมได้ถึงสามรุ่น  คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
    หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า 
    ราคา เล่มละ   250  บาท  รหัสสินค้า B 005


 
    หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
    พร้อมทั้งวิธีการใช้โปรแกรม  คอมพิวเตอร์ MAKITA  SERVICE  INFORMATION   
    เพื่อช่วยในการซ่อมแซมงานของท่านอย่างถูกต้อง  แม่นยำ
    หนังสือเล่มนี้  เป็น คู่มือซ่อมด้วยตนเอง  ที่สมบูรณ์ที่สุดเล่มหนึ่ง  ในยุคนี้
    เจาะลึกด้วยประสบการณ์  นำเสนอด้วยภาพถ่าย   พร้อมอธิบาย  ทุกปัญหา
    ประสบการณ์ที่เราถ่ายทอด   ท่านสามารถเป็นช่างมืออาชีพได้   ด้วยเล่มนี้
    เรานำเสนอสาระ   เจาะลึก  ถึงระบบของชุดเกียร์  ชุดมอเตอร์ 
    การวินิจฉัยถึงอาการชำรุดบกพร่องของเครื่องมือไฟฟ้า 
    การดัดแปลง  ที่ไม่มีอันตรายกับตัวเครื่อง
    หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
    ราคา เล่มละ   250  บาท  รหัสสินค้า B 006





    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
    หนังสือเล่มนี้ ท่านสามารถอ่าน และ นำความรู้ที่ได้ ไปประยุกต์
    ในการซ่อมเลื่อยวงเดือนไฟฟ้า ของ มากีต้า ได้หลายรุ่น ที่มีรูปทรงลักษณะเดียวกัน
    อาทิเช่น รุ่น 5201 N , 5103 N , และ 5402 อ่านเล่มเดียวจึงสามารถซ่อมได้หลายรุ่น
    ไม่ต้องปวดหัวกับภาคทฤษฎี เราเน้นที่ภาคปฏิบัติ อ่านแล้วเป็น !!!เป็นอย่างมืออาชีพ

     


    หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
    
ราคา เล่มละ   150  บาท  รหัสสินค้า B 007



   

    หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
    การนำเสนอในการซ่อมสว่านไฟฟ้า  ในหนังสือเล่มนี้ ใช้ตัวอย่างเพียงแค่ ตัวเดียว
    และ ยี่ห้อเดียวก็จริง    แต่ เป็นการสกัดเอาหลักแห่งการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า 
    ซึ่งเป็นพื้นฐานในการซ่อม เครื่องมือไฟฟ้าทั้งปวงเลยก็แทบจะว่าได้ 
    เพราะฉะนั้น  การนำเสนอในการซ่อมสว่านที่มีที่มาจากประเทศจีน 
   ที่มีราคาค่อนข้างถูก  ราคาตัวละ  สอง – สามร้อยบาท  จึงสามารถทำให้ท่านได้รับความรู้
    ไปประยุกต์  ใช้กับการซ่อม สว่านไฟฟ้าในราคาแพงๆ  ตัวละสาม – สี่พันบาท 
   เพราะ เนื่องจากสว่านตัวละ สาม – สี่พันบาทนั้น 
   ก็มีหลักการทำงานของสว่านไฟฟ้า ตัวละสอง – สามร้อยบาท เหมือนกัน 
   หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
   
ราคา เล่มละ   150  บาท  รหัสสินค้า B 008


  

   หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
   การนำเสนอในการซ่อมสว่านโรตารี่ 3 ระบบในหนังสือเล่มนี้ ท่านสามารถประยุกต์
   ในการซ่อมสว่านโรตารี่    ทั้งของBOSCH และ ของเลียนแบบได้ทุกยี่ห้อที่มีรูปทรงตามหน้าปกนี้
   อาทิเช่น  BUSS , SAMTO , YOCA , YESER , YU , KANTO , NETTO , PUMKLIN , OKURA
   สว่านโรตารี่ ที่มีรูปทรงตามหน้าปกนี้ เป็นที่นิยมในท้องตลาดค่อนข้างสูง เพราะว่า
   ซ่อมง่าย , ซ่อมขึ้น , อะไหล่มีมากมายตามท้องตลาด
   หนังสือเล่มนี้ จึงเป็นสุดยอดของคัมภีร์สามระบบ 
   หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
   ราคา เล่มละ   250  บาท  รหัสสินค้า B 009




   หนังสือเล่มนี้   เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านเครื่องมือไฟฟ้ามาก่อน
   ทันทีที่กระแสไฟฟ้า     ถูกส่งผ่าน มาจากเสาไฟฟ้าแรงสูง  และมารออยู่ที่  ปลั๊กไฟ ภายในบ้าน
   หรือสถานที่ทำงาน เมื่อผู้ใช้งานเสียบปลั๊กไฟ และเปิดสวิทซ์ ให้กระแสไฟฟ้าเข้าไปภายในเครื่องมือไฟฟ้า
   เครื่องมือไฟฟ้า  มันก็จะทำงาน  แล้วถ้ามันไม่ทำงานล่ะ  ปัญหาที่เกิดขึ้น 
   ท่านสามารถ แก้ไขได้  ด้วยตัวของท่านเอง   ด้วยหนังสือเล่มนี้
   หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ  ผู้ที่สนใจ  และ  เริ่มหัดซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า 
   หนังสือเล่มนี้  อ่านและเข้าใจได้โดยง่าย  อธิบายด้วยภาพประกอบ
   รูปเล่มบางเฉียบ  ง่ายกว่าที่คุณคิด   อย่าคิดว่ามันยาก   อ่านแล้ว   เป็น !!!!
  
   หนังสือเล่มนี้จำหน่ายพร้อมแผ่น DVD พื้นฐานการซ่อมเครื่องมือไฟฟ้า
   ราคา เล่มละ   120  บาท  รหัสสินค้า B 010 

วิธีการดูแลต้นไม้

วิธีการดูแล ต้นไม้ที่ใช้ประดับภายในอาคาร



ปัจจุบันการนำไม้ดอกไม้ประดับมาประดับตกแต่งบ้านเรือน สำนักงานและสถานที่ต่าง ๆ ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกขณะ เนื่องจากโลกมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุและเทคโนโลยี ทำให้ชีวิตมนุษย์ห่างไกลจากธรรมชาติมากขึ้น พื้นที่สีเขียวถูกเปลี่ยนเป็นบ้านพักอาศัย สภาพแวดล้อมที่ถูกปนเปื้อนด้วยสารพิษ มนุษย์จึงพยายามนำธรรมชาติเข้ามาไว้ใกล้ตัวเพื่อทดแทนธรรมชาติที่ขาดหายไป การจัดสวน และการนำไม้ดอกไม้ประดับมาตกแต่งบ้านพักอาศัยและสถานที่ต่าง ๆ จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ปัญหาที่พบเสมอคือ จะมีวิธีการดูแลรักษาสวน และไม้ดอกไม้ประดับเหล่านั้นอย่างไรให้มีสภาพสวยงามยาวนาน วิธีดูแลรักษาสวนสวยด้วยตัวเอง จึงเป็นแนวทางที่จะช่วยให้ผู้รักการปลูกต้นไม้แต่ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุ์ไม้และการดูแลรักษาได้ทราบวิธีการอย่างง่าย ๆ ในการปลูกเลี้ยงและดูแลรักษาต้นไม้ให้เจริญงอกงาม พันธุ์ไม้ในสวน ถ้าแยกพันธุ์ไม้ในสวนออกตามหน้าที่หรือลักษณะก็แบ่งได้ง่าย ๆ ดังนี้

1. ไม้คลุมดิน กิ่งก้านเลื้อยทอดลงปรกดิน จึงทำให้ค่อนข้างเตี้ย ต้องตัดแต่งบ่อย ๆ เพราะโตเร็ว ปล่อยไว้มักรุงรัง และไม่สวย เพราะใบจะเล็กลง ไม่คอยแตกใบใหม่ และ ไม่ผลิดอก ไม้พวกนี้ใช้ปลูกคลุมโคนไม้ใหญ่ ขอบสระ แทรกก้อนหิน ริมขอบถนน สนาม รั้ว ปลูกเป็นแปลง ไม้คลุมดินมีทั้งไม้ดอกและไม้ใบ เช่น คุณนายตื้นสาย แพรเซี่ยงไฮ้ ฟ้าประดิษฐ์ ผกากรอง บัวฝรั่ง หัวใจม่วง ซุ้มกระต่าย เศรษฐีเรือนใน หนวดปลาดุก การะเกด เหิน พลูทอง พลูด่าง เงินใหลมา ไฟเรีย ปีกแมลงสาบ เป็นต้น

2. ไม้พุ่ม มีลำต้นแข็ง มักมีลำต้นย่อม ๆ อยู่ด้วยกันหลาย ๆ ลำ แผ่กิ่งก้าน และใบค่อนข้างแน่น มีทั้งขนาดเล็ก และขนาดกลาง โดยปกติต่ำกว่า 3-4 เมตร ตัดแต่งทรงพุ่มได้ ถ้าปลูกในสวนขนาดเล็ก อาจตัดแต่งให้มีลำต้นเดียว เพื่อให้เหมือนไม้ยืนต้นขนาดเล็ก แต่ถ้าปลูกร่วมกับไม้ยืนต้นทั่วไปในสวนขนาดใหญ่ ก็ใช้ปลูกเป็นกลุ่ม ๆ ในหมู่ไม้พุ่มด้วยกัน ปลูกริมรั่ว หรือทำรั่ว ปลูกเป็นแนวหรือแปลง ตัดแต่งให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ก็ได้ ตัวอย่างไม้พุ่ม ได้แก่ เข็มต่าง ๆ อังกาบ ปัตตาเวีย มะขามเทศด่าง กาหลง โยทะกา หางนกยูงไทย ชุมเทศเห็ด หลิวไต้หวัน ชบาต่าง ๆ พวงทองต้น แก้ว โมก หูปลาช่อน เล็บครุฑ โกสน ราชาวดี พุดฝรั่ง ยี่โถ พุตซ้อน เป็นต้น

3. ไม้ยืนต้น มีลำต้นแข็ง เป็นลำต้นเดี่ยว ๆ ขึ้นไปจนถึงยอด สูงใหญ่ และอายุยืน มีทั้งไม่ยืนต้นขนาดเล็ก เช่น แก้ว โมก แสงจันทร์ ยี่เข่ง เชอร์รี่ มะนาวเทศ หนามแดง คอร์เดีย ไม้ยืนต้นขนาดกลาง เช่น พิกุล ลั่นทม กุ่มบก มะกล่ำตาช้าง ชัยพฤกษ์ ราชพฤกษ์ อินทนิลบก และไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น ขนุน แคแสด ชมพูพันธุ์ทิพย์ ประดู่ สาเก ปีป (สูง 10-25 เมตร เป็นทั้งไม้ขนาดกลางถึงไม้ขนาดใหญ่) ไทร เสลา ตะแบกนา ไม้ยืนต้นใช้ปลูกเป็นร่มเงา ปลูกเป็นจุดเด่นหรือไม้ประธานในสวน มีทั้งไม้ดอก และไม้ผล บางชนิดไม่ควรปลูกใกล้ตัวบ้านหรือกำแพงมากนัก เพราะระบบรากแข็งแรง โดเร็ว อาจชอนเข้าไปยังฐานรากหรือตัวบ้าน และกำแพงจนร้าว เช่น ไทร หางนกยูงฝรั่ง หูกวาง บางชนิดมีกิ่งเปราะหักง่าย และอันตราย โดยเฉพาะเวลามีพายุเช่น ชมพูพันธุ์ทิพย์ ประดู่ ดังนั้น การปลูกต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ต้องคำนึงถึงขนาดของมันเมื่อโตขึ้นในอนาคตด้วย

4. ไม้เลื้อย คือไม้ที่มีกิ่งก้านเลื้อยรัดพันขึ้นสู่ที่สูง บางพันธุ์เป็นไม้เถาเนื้ออ่อน เช่น อัญชัน พวงชมพู บางพันธุ์เป็นไม้เถาเนื้อแข็ง เช่น สายน้ำผึ้ง ชมนาด ชอบแสงจัด ใช้ปลูกขึ้นพันรั่ว กำแพง ซุ้มประตู หลังคาศาลา แผงบังตา นอกจากจะสวยงาม ยังให้ความเป็นส่วนตัว ไม้เลื้อยมีทั้งดอกหอมและไร้กลิ่น ใบเล็กละเอียดจนถึงใบใหญ่ เลือกใช้ตามความเหมาะสม

5. ไม้น้ำ เป็นพืชที่ปลูกในน้ำ อ่าง หรือสระ เนื้อที่น้อยปลูกใส่อ่างหรือภาชนะ ตั้งประดับในสวนหรือมุมบ้านได้ ชอบแสงจัด มิฉะนั้นจะเน่า หรือ ไม่ออกดอก ไม้น้ำมีทั้งชนิดดอกและใบ บางพันธุ์มีใบปริ่มน้ำ มีก้านใบชูสูงพ้นน้ำ แต่บางชนิดอยู่ใต้น้ำ เช่น พวกสาหร่ายต่าง ๆ ไม้น้ำที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ บัวหลากพันธุ์ กระจับญี่ปุ่น บัวบา ฝิ่นน้ำ ผักตบไทย ผักตบชวา อเมซอน คล้าน้ำ ลานไพลิน กก แว่นแก้ว จอก เป็นต้น

6. ไม้ริมน้ำ ขึ้นในที่ค่อนข้างชื้นแฉะได้ดี เหมาะที่จะปลูกประดับชายน้ำ ขอบสระ ชอบแสง ตัวอย่าง เช่น จิกน้ำ พลับพลึงต่าง ๆ กก พุทธรักษา เฮลิโคเนีย มหาหงส์ เตย หลิวเลื้อย กระดุมทองเลื้อย เป็นต้น

7. ไม้ในร่ม ปลูกได้ในที่มีแสงอ่อนหรือแสงรำไร โดยมากมักเป็นไม้ใบ มีตั้งแต่พวกไม้คลุมดินไปจนถึงไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เช่น หนวดปลาดุก คล้า เฟิน เขียวพันปี เขียวหมื่นปี วาสนา สาวน้อยประแป้ง พลู หน้าวัวใบ ฟิโลเดนดรอน สังกรณี พุดกุหลาบ มุจลินท์ โมก จั๋ง ไทร หมากผู้หมากเมีย สับประรดสี หนวดปลาหมึก เป็ปเปอร์โรเมีย ไผ่ฟิลิปปินส์ หางกระรอก เป็นต้น

8. ไม้รูปทรง มีทรงสวยตามธรรมชาติโดยไม่ต้องตัดแต่งจัดให้เป็นไม้ประธาน ไม้เด่นในสวนได้ หรือจัดไว้ในสวนที่ไม่ต้องการการดูแลมาก โดยมากเป็นพวกสน ปรง ปาล์ม เป็นต้น พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่กล่าวมามีหลากหลายชนิด และการเรียนรู้ว่าแต่ละชนิดชอบแสง น้ำ ดินปลูกอย่างไร จะได้จัดกลุ่มที่ชอบเหมือนกันอยู่ใกล้ ๆ กันในสวน ไม่ใช่นำไม้ร่มมาอยู่รวมกับไม้แดด หรือไม้ชอบชื้นริมน้ำมาปลูกอยู่กับไม้ที่ไม่ชอบน้ำขัง ก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง

ผลไม้ไทย

10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูง

กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า


ผลไม้,ต้านมะเร็ง,ผลไม้ไทย


ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ 

1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก
4. กล้วยไข่
5. มะม่วงยายกล่ำ
6. มะปรางหวาน
7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
8. มะยงชิด
9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
10. สับปะรดภูเก็ต

ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม


ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย 

1. แก้วมังกร
2. มะขามเทศ
3. มังคุด
4. ลิ้นจี่
5. สาลี่



10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ 

1. ฝรั่งกลมสาลี่
2. ฝรั่งไร้เมล็ด
3. มะขามป้อม
4. มะขามเทศ
5. เงาะโรงเรียน
6. ลูกพลับ
7. สตรอเบอร์รี่
8. มะละกอสุก
9. ส้มโอขาว
10. แตงกวา
11. พุทราแอปเปิล



การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ 

1. ขนุนหนัง
2. มะขามเทศ
3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
4. มะเขือเทศราชินี
5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
7. มะม่วงยายกล่ำสุก
8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
9. สตรอเบอร์รี่
10. กล้วยไข่

ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี


ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้ จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี.

เทคนิคการร้องเพลง


เทคนิคการร้องเพลง


ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีโทนเสียงที่แตกต่างกัน บางคนมีเสียงต่ำ บางคนมีเสียงระดับปานกลาง บางคนมีเสียงสูงแหลม อีกทั้งคุณภาพเสียงของชายและหญิงก็ยังมีการแบ่งที่แตกต่างกันออกไป ชายที่มีระดับเสียงในเกณฑ์สูง เรียกว่า Tenor ระดับกลางเรียกว่า Baritone และระดับต่ำเรียกว่า Bass ส่วนผู้หญิงที่มีระดับเสียงสูงเรียกว่า Soprano ระดับเสียงกลางเรียกว่า Mezzo Soprano และเสียงระดับต่ำเรียกว่า Contralto
โทนของเสียงสามารถแบ่งได้อย่างคร่าวๆตามลักษณะทางกายภาพ ได้ 3 โทน คือ Chest Tone, Mouth Tone,และ Head Tone (เสียงต่ำ,กลาง,สูง)
โทนเสียงต่ำ (Chest Tone) เป็นการขับร้องในระดับเสียงต่ำ เป็นเสียงที่เปล่งออกมาได้ง่ายที่สุด โดยจะรู้สึกสั่นสะเทือนบริเวณหน้าอก เสียงที่ได้จะมีความกังวาล ทุ้ม ใหญ่ เป็นโทนที่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกสุขุม, รอบคอบ, เศร้า ลักษณะของเนื้อเสียงจะเหมือนกับเสียงพูดปกติของชาวตะวันตก ตำแหน่งเสียงทางกายภาพจะอยู่ที่บริเวณ หน้าท้องถึงบริเวณริมฝีปากล่าง
โทนเสียงกลาง (Mouth Tone) เป็นโทนเสียงที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ปกติ สบายๆ เมื่อปล่อยเสียงจะรู้สึกถึงการสั่นสะเทือนบริเวณช่องปาก และในโพรงอากาศบริเวณจมูก ลักษณะของเนื้อเสียงจะเหมือนกับเสียงพูดปกติของชาวตะวันออก ตำแหน่งเสียงทางกายภาพจะอยู่ที่บริเวณ ริมฝีปากถึงโหนกแก้ม
โทนเสียงสูง (Headtone)  เป็นโทนเสียงที่แสดงออกถึงอารมณ์ที่ดีใจสุดๆ เสียใจสุดๆ สนุกสนาน เป็นการขับร้องในเสียงสูงระดับเทนเนอร์ และ โซปราโน ขณะเปล่งเสียงจะรู้สึกสั่นสะเทือนก้องบริเวณ เหนือลิ้นไก่และพริ้วไปตามส่วนหลังของศรีษะ เกิดความก้องกังวานในโพรงกระโหลกศรีษะแผ่กระจายมาถึงโพรงอากาศบริเวณหน้าผาก ตำแหน่งเสียงทางกายภาพจะอยู่ที่บริเวณหว่างคิ้ว
การออกเสียง
เมื่อเรารู้จักวิธีการหายใจที่ถูกต้องและ รู้จักการใช้โทนเสียงในลักษณะต่างๆแล้ว การปล่อยเสียงให้ออกมาอย่างมีคุณภาพ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จำเป็นต้องศึกษา ในการร้องเพลงให้ได้เนื้อเสียงที่มีคุณภาพ สามารถทำได้ด้วยการเปิดทางให้การส่งลมผ่านอวัยวะต่างๆตั้งแต่ กล้ามเนื้อหน้าท้อง กระบังลม หลอดลม เส้นเสียงมาจนถึงช่องคอได้สะดวก สิ่งที่จำเป็นต่อการทำให้เสียงที่เราปล่อยออกมามีคุณภาพได้ความกังวาน (Resonance) นั้นคือการเปิดคอ
การเปิดคอ หมายถึง การทำให้ช่องคอของเราขยายออก ได้ความรู้สึกโล่งกว้าง เพื่อเป็นการเปิดทางให้ลมสามารถผ่านออกมาได้อย่างสะดวก ไม่ถูกปิดกั้น ทั้งยังเป็นการเพิ่มเนื้อที่ในช่องคอให้เสียงที่เปล่งออกมาเกิดความก้องกังวาน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการวางลิ้นให้ถูกตำแหน่ง ไม่ถูกยกขึ้นมาปิดกั้นช่องคอ
ข้อสังเกตุ : ให้นึกถึงลักษณะลำคอเวลาหาว ช่องคอจะถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ลมสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างสะดวก ลิ้นถูกกดลง หากสามารถบังคับให้อวัยวะดังกล่าวเป็นไปตามต้องการได้ โดยไม่เกิดอาการเกร็งจะทำให้ช่องคอเปิดออก พร้อมที่จะทำการปล่อยเสียงที่ได้ความกังวาน

มารยาทในการฟัง


มารยาทในการฟัง
1. เมื่อฟังอยู่เฉพาะหน้าผู้ใหญ่ ควรฟังโดยสำรวมกิริยามารยาท ฟังด้วยความสุภาพเรียบร้อย และตั้งใจฟัง

2. การฟังในที่ประชุม ควรเข้าไปนั่งก่อนผู้พูดเริ่มพูด โดยนั่งที่ด้านหน้าให้เต็มก่อนและควรตั้งใจฟังจนจบเรื่อง

3. จดบันทึกข้อความที่สนใจหรือข้อความที่สำคัญ หากมีข้อสงสัยเก็บไว้ถามเมื่อมีโอกาสและถามด้วยกิริยาสุภาพ เมื่อจะซักถามต้องเลือกโอกาสที่ผู้พูดเปิดโอกาสให้ถาม หรือยกมือขึ้นขออนุญาตหรือแสดงความประสงค์ในการซักถาม ถามด้วยถ้อยคำสุภาพ และไม่ถามนอกเรื่อง

4. มองสบตาผู้พูด ไม่มองออกนอกห้องหรือมองไปที่อื่น อันเป็นการแสดงว่าไม่สนใจเรื่องที่พูด และไม่เอาหนังสือไปอ่านขณะที่ฟัง หรือนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไปรับประทานระหว่างฟัง

5. ฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเองกับผู้พูด แสดงสีหน้าพอใจในการพูด ไม่มีแสดงกิริยาก้าวร้าว เบื่อหน่าย หรือลุกออกจากที่นั่งโดยไม่จำเป็นขณะฟัง

6. ฟังด้วยความสุขุม ไม่ควรก่อความรำคาญให้บุคคลอื่น ควรรักษามารยาทและสำรวมกิริยา ไม่หัวเราะเสียงดังหรือกระทืบเท้าแสดงความพอใจหรือเป่าปาก

7. ฟังด้วยความอดทนแม้จะมีความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้พูดก็ควรมีใจกว้างรับฟังอย่างสงบ

8. ไม่พูดสอดแทรกขณะที่ฟัง ควรฟังเรื่องให้จบก่อนแล้วค่อยซักถามหรือแสดงความคิดเห็น

9. ควรให้เกียรติวิทยากรด้วยการปรบมือ เมื่อมีการแนะนำตัวผู้พูด ภายหลังการแนะนำ และเมื่อวิทยากร พูดจบ
pui.lab is offline 

วิธีการเขียนรายงาน


ขั้นตอนการเขียนรายงาน

การเขียนรายงานมีขั้นตอนในการเขียนได้ดังนี้
.  การกำหนดข้อเรื่อง ต้องเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เรื่องที่ผู้ทำรายงานมีความรู้ความสามารถ และสามารถหาแหล่งความรู้ได้ 
.   ขอบเขตของเรื่อง ก่อนที่จะทำการเขียนรายงานต้องทำการกำหนดขอบเขตของข้อมูล ครอบคลุมทุกข้อของรายงาน แต่ละข้อต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างดี การลำดับเนื้อหาสอดคล้องกัน 
.  แหล่งข้อมูล หรือแหล่งความรู้ ผู้เขียนรายงานจะต้องสำรวจแหล่งความรู้ที่จะใช้ศึกษาค้นคว้าเรื่องที่จะเขียนรายงาน อาจใช้วิธีการค้นคว้าจากหนังสือ หรือเอกสารในห้องสมุด การสัมภาษณ์ผู้ที่มีความรู้ในแขนงนั้นๆ  การใช้แบบสอบถาม การทดลองปฏิบัติ หรือ   การศึกษาดูงานด้วยตนเอง

วิธีการสร้างบล็อก


วิธีการสร้างบล็อก











สร้างเว็บบล็อก(Blogger)
1.เข้าไปที่ http://www.blogger.com/จะแสดงหน้าจอแบบนี้ ให้คลิกที่ สร้างเว็บบล๊อกของท่านเดี๋ยวนี้
2.เมื่อท่านคลิกนี้ จะปรากฎเป็นรูปเว็บบล็อก
3. ให้ใส่รายละเอียด-ที่อยู่อีเมล : (จากที่ท่านได้สมัคร Gmail มาแล้วก่อนหน้านี้)-Enter Password : (ใส่รหัสผ่าน)-พิมพ์รหัสผ่านอีกครั้ง-Displya name (ตั้งชื่อที่จะให้แสดงตอนโพสเว็บบล็อก)-พิมพ์ตามอักษรที่ปรากฎให้ถูกต้อง-คลิกดำเนินต่อไป

4.จากนั้นให้ตั้งชื่อ เว็บบล็อกของท่าน-คลิกที่ตรวจสอบ เพื่อตรวจเช็คดูว่า มีใครใช้ชื่อนี้ไปหรือยัง ถ้ามีแล้วระบบจะแจ้งเตือนว่าใช้ไม่ได้ และจะมีตัวเลือกให้เราโดยอัตโนมัต ถ้าชอบใจตัวไหน ก็คลิกที่ชื่อด้านล่างตัวนั้นได้ แต่ถ้าต้องการชื่ออื่นอีกก็ตรวจสอบจนกว่าจะได้ชื่อที่คุณพอใจ เมื่อได้ชื่อตามที่ต้องการแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป

5.จากนั้นจะเข้าสู่การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรูปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตามต้องการสามารถคลิกเพื่อดูตัวอย่างแม่แบบได้ เมื่อได้แม่แบบตามที่เราชอบแล้ว คลิกที่ ดำเนินต่อไป

ต่อไปกดเริ่มต้นการส่งบทความทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า Google AdSense ยังไม่รองรับเว็บไซต์ภาษาไทย แต่ในอนาคตคาดว่า ทาง Google AdSense จะยอมรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย ดังนั้น ควรนำเว็บบล็อกที่มีเนื้อหาภาษาอังกฤษมาทำการสมัครให้ผ่านก่อน โดยไปหาเนื้อหาภาษาอังกฤษ ได้ที่นี่ โดยคุณควรจะเลือกทำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
http://en.wikipedia.org/wiki/Main_page
http://www.goarticles.com/
http://www.contentmart.com/
http://www.superfeature.com/
http://www.freshcontent.net/
ถึงตอนนี้คุณก็จะมีบล็อกส่วนด้วยไว้ทำเงินกับกูเกิลอย่าลืมจดจำคือ
1.อีเมลล์ของ gmail
2.URL เว็บบล็อก เช่น http://makemoneynetonline.blogspot.com/

ความปลอดภัยในการขับรถยนต์


ความปลอดภัยในการขับรถ
อุบัติเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชิวิตและทรัพย์สินในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากดื่มสุรา การเสพยาบ้า การขับรถทั้งที่พักผ่อนไม่เพียงพอ หากสามารถป้องกันอุบัติเหติได้จะลดความสูญเสียได้อย่างมากมาย ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้แก่
  1. คนขับรถทุกคนที่มีลักษณะระดังนี้
  • นอนไม่พอหรืออ่อนเพลียมาก
  • ขับระยะทางไกลโดยไม่ได้พัก
  • ขับตอนกลางคืนและตอนเที่ยงวันซึ่งเป็นเวลาที่ง่วงนอน
  • ได้รับยาที่ง่วงนอน หรือดื่มสุรา
  • ขับรถคนเดียว
  1. ผู้ที่ทำงานเป็นกะ หลังจากอดนอนในตอนกลางคืนและขับรถกลับบ้านทำให้ง่วงนอน
  2. ผู้ที่ขับรถบรรทุกหรือรถนำเที่ยว ที่ต้องขับหลายเที่ยวไม่ได้พัก
  3. ผู้ที่เป็นโรค sleep disorder
การป้องกันอุบัติเหตุขณะขับรถ
  • นอนให้พอเพียงก่อนขับรถประมาณ 8 ชั่วโมง
  • ขับทางไกลให้มีคนขับอีกคนไปด้วยเพื่อควรดูว่ามีลักษณะง่วงนอนหรือยัง
  • ให้หยุดพักทุก 200กิโลเมตร
  • งดยาที่ทำให้ง่วงนอน และสุรา
  • ถ้าหากง่วงในเวลากลางวันมากให้ปรึกษาแพทย์
เมื่อง่วงนอนขณะขับรถควรทำอย่างไร
  1. ท่านหรือผู้โดยสารต้องคอยสังเกตว่าคนขับง่วงหรือยังโดยสังเกตสิ่งต่อไปนี้
  • หาวบ่อยๆ
  • จำทางไม่ได้
  • ขับรถผิดเลน
  • ขับโดยไม่มองป้ายสัญญาณจารจร
  • ไม่สามารถลืมตาตลอด
  • ไม่สามารถเงยหน้าได้ตลอด
  1. หาวิธีการที่ทำให้คนขับตื่น เช่นเปิดหน้าต่าง ผ้าเย็นเช็ดหน้า
  2. หาที่จอดที่ปลอดภัยและงีบหลับ 30-45 นาที
  3. ดื่มกาแฟเข้มข้นสักแก้ว

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธีการแต่ง hi5

1. hi5 คืออะไร

hi5 คือ ที่ๆ เราสามารถพบปะผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้    เราสามารถค้นหาผู้คนที่อยู่หรือเคยอยู่ ภูมิลำเนา  โรงเรียน หรือ  มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรา  ไม่ว่าเค้าจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตาม   และ hi5 ยังสนับสนุนให้คุณเปิดกว้างได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ  ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตาม
hi5 คือ ที่ๆ เราจะแบ่งปันสิ่งที่มีความสำคัญให้กันและกัน  ทั้งรูปถ่าย  คลิปวีดีโอคลิป เพลงจากศิลปินคนโปรด ตลอดจนการได้เข้าร่วมกลุ่มเพื่อนๆ ที่เราสนใจ
hi5 คือ ที่ๆ เราได้แสดงความตัวตนของเราอย่างเต็มภาคภูมิ  ด้วยการสร้างและตกแต่งหน้าเว็บ hi5 ในแบบฉบับของตัวเอง  ด้วย แอนิเมชั่นและลูกเล่นเด็ดๆ ที่ใช้งานง่ายมาก

2. ขั้นตอนและวิธีการสมัคร hi5

1.) เข้าไปที่เว็บไซต์ www.hi5.com
2.) คลิกที่ปุ่ม Sign Up  เพื่อสมัครค่ะ

3.) จะพบว่ามีหน้าให้กรอกรายละเอียดอยู่ 3 หน้า ให้กรอกรายละเอียดให้ครบ ดังนี้
 - หน้าแรกหัวข้อ Name & E-mail ให้กรอก ชื่อ-นามสกุล , อีเมล์  และ ตั้งรหัสผ่าน
- หน้าที่ 2  Personal Information  หรือ ข้อมูลส่วนตัว  เลือกข้อมูลส่วนตัว ดังนี้  เพศ  , วันเกิด , ภาษาที่ใช้(English) , ประเทศที่เราอยู่ , เมืองที่เราอยู่
- หน้าที่ 3  Upload A Photo หรือ การเลือกรูปแทนตัวเราค่ะ คลิกปุ่ม Browse เพื่อเลือกรูปแทนตัวเรา ซึ่งไฟล์รูปต้องเป็นไฟล์ นามสกุล jpg , gif , .bmp  หรือ png  และขนาดไฟล์รูปภาพต้องไม่เกิน 10 MB  เรียบร้อยแล้วคลิกที่ปุ่ม Upload ค่ะ
หมายเหตุ  หากต้องการกลับไปแก้ไขข้อมูล สามารถคลิกที่ < Back หรือ Next > ที่อยู่ด้านล่างได้เลยค่ะ
3. วิธีค้นหาเพื่อน
เราสามารถค้นหาเพื่อนที่ถูกใจได้ด้วยวิธีง่ายๆ  2 วิธี  คือ
วิธีแรก   ที่ช่อง Search  ด้านบนของ hi5.com  เราสามารถใส่ คำหรือคีย์เวิร์ด(keyword) เพื่อค้นหา ชื่อเพื่อน (People) หรือ ชื่อคลิปวีดีโอ (Videos) ที่ต้องการ ซึ่งวิธีค้นหาจะคล้ายกันกับการค้นหาข้อมูลใน Google.com นั่นเองค่ะ  เมื่อใส่เรียบร้อยแล้วก็ให้กดปุ่ม Enter ในคีย์บอร์ดหรือคลิกที่ปุ่ม Go  
ก็จะแสดงรายชื่อเพื่อนๆ ที่ต้องการค้นหาดังรูปภาพด้านล่าง และหายังค้นหาไม่พบก็สามารถที่จะค้นหาอย่างละเอียดได้อีกด้วย
วิธีที่ 2  ค้นหาตามภูมิลำเนา(SEACH IN CITY)  หน้าแรกของ hi5 จะมีช่องให้กรอก Country (ประเทศ) และ City (เมือง) ก็ให้เพื่อนๆ พิมพ์ชื่อประเทศ และเมืองที่เพื่อนต้องการค้นหา จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Find Friends
เจอคนที่อยากรู้จักแล้วก็อย่าลืมขอเค้าเป็นเพื่อนล่ะ
- คลิกที่รูปเพื่อนได้เลย เพื่อแวะเข้าไปเยี่ยมเยียน hi5 ของเพื่อน
-  จากนั้นก็คลิก Add as a Friend เพื่อขอเพื่อนคนนั้นเป็นเพื่อนค่ะ

4. เริ่มต้น ตกแต่ง hi5

เสน่ห์ของ hi5 นอกจากจะเป็นที่รวมเพื่อนๆ ที่ถูกใจเราแล้ว ยังเป็นที่ๆเราสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวของเราเองได้อีกด้วย  ดังนั้นการตกแต่งประดับประดาหน้าเว็บ hi5 ของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจและสวยงามในสไตล์ที่เราชอบ  

4.1 สร้าง URL ให้ hi5 ของเราเสียก่อน       
การไม่มี URL เปรียบเหมือนกับเราไม่มีที่อยู่เพื่อติดต่อเพื่อนๆจะติดต่อทีก็ลำบาก  มาสร้าง URL ให้ hi5 ของเราด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1.)  Sign in เข้า hi5  ก่อนค่ะ โดยการกรอกอีเมลที่ใช้สมัคร และพาสเวิร์ด
2.) คลิกที่เมนู Profile  จากนั้น ในช่อง Choose a personal hi5 URL!  ให้ทำการตั้งชื่อตาม URL ที่ต้องการ (ส่วนใหญ่ชื่อมักจะซ้ำ ให้เพื่อนๆ อดทนหาชื่อดีๆ จำง่ายๆ กันหน่อยนะคะ)  เรียบร้อยแล้วคลิกที่ปุ่ม Save
4.2  เลือก Skin สวยๆ  กันเถอะ
Skin (สกิน) คือ หน้ากาก หรือรูปร่างหน้าตาของ hi5 ที่เพื่อนๆ สามารถเลือกมาตกแต่ง hi5 ของเราให้ดูสวยงามขึ้นได้
1.) Sign in เข้า hi5  ก่อนค่ะ  จากนั้นคลิกที่เมนู Skin my Profile
2.) มี Skin มากมายให้เพื่อนเลือกไปแต่ง  หากต้องการทดสอบดูก่อนก็ให้คลิกที่ปุ่ม Preview หรือถ้าต้องเลือกใช้เลยก็ให้คลิกปุ่ม Use Skin เรายังสามารถที่จะเลือกskinอื่นๆ ได้อีกมากมายโดยคลิกที่ปุ่ม Next  ค่ะ

3.) ถ้าวันนึงเกิดเบื่อ Skin เดิมๆ  เราก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้โดยคลิกที่ Change my Skin จากนั้นก็เข้าเลือก Skin ใหม่ๆ กันได้เลยค่ะ

4.3  ใส่ลูกเล่นสวยๆ ด้วย Widget
Widget เป็นโปรแกรม เล็กๆ สวยๆ ที่เราสามารถนำมาใส่ใน hi5 เพื่อเพิ่มจุดเด่นและความน่าสนใจค่ะ   และเนื่องจาก Widget มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย  ในบทความนี้จึงขอยกตัวอย่างการติดตั้งWidgetบางตัวที่เห็นว่าน่าใช้และได้รับความนิยมสูงค่ะ 
1.) Log in เข้า hi5  ก่อนค่ะ  จากนั้นคลิกที่เมนู Add A Widget

2.) เมื่อคลิกเข้ามาแล้ว จะพบกับ widget หลายตัว   ทั้ง สไลด์รูปภาพ ,  คลิปวิดีโอ , เกม Glitter Text  สามารถเลือกใส่ได้ตามใจชอบ   ในที่นี้ขอแนะนำ การทำสไลด์รูปภาพ ด้วย Widget ยอดฮิต ที่ชื่อ  Slide Shows ค่ะ

3.)  จะเข้าสู่เว็บ Slide.com เริ่มต้นด้วยการคลิกเมนู My Files เพื่อเข้าไปเลือกรูปภาพทำการสร้างสไลด์

4.) ขั้นตอนถัดมา  ให้คลิกที่ปุ่ม Browse  และเมื่อเลือกรูปภาพจากในเครื่องของเรา

5.) ได้รูปมาครบแล้วเราก็ทำการอัพโหลดโดยคลิกที่ปุ่ม   Upload faster -- click here! ดังรูป

6.)  ตอนนี้อัพโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

7.) คลิกที่ปุ่ม SAVE (get code)

8.) คลิกที่ปุ่ม ADD To hi5 ดังรูป

9.) จากนั้นจะพบหน้าต่าง Congratulation ให้คลิกที่ Return To hi5 เพื่อกลับมาที่ hi5 ของเรา
สไลด์โชว์ที่ได้จะไปอยู่เข้าไปอยู่ในกล่อง Widget เรียบร้อยแล้วค่ะ  เท่านี้เพื่อนๆ ก็ได้สไลด์โชว์เก๋ๆ ไว้ประดับ hi5 ขอเราแล้วล่ะค่ะ

4.4 ใส่เพลงยอดฮิตใน hi5
เพื่อนๆ สามารถนำโค้ดเพลงจากเว็บไซต์ Imeem.com มาแปะใน hi5 ของเราได้ด้วยขั้นตอนดังนี้ค่ะ
4.4.1  สมัคร imeem.com กันก่อน
1.) เข้าเว็บ www.imeem.com จากนั้นให้ทำการ สมัครสมาชิกโดยคลิกที่ปุ่ม Sign Up! ดังรูป

2.) กรอกรายละเอียดการสมัคร  เรียบร้อยแล้วคลิก Sign Up ดังรูปค่ะ
           
3.) เข้าไปที่อีเมล์ที่เราใช้สมัคร จากนั้นเข้าไปเช็คอีเมล์ที่ Inbox  เราจะพบว่ามีหัวข้ออีเมล์ที่ชื่อ imeem support ดังรูป

4.) เปิดอีเมล์ และคลิกลิงค์ดังรูปเพื่อ  Confirm การสมัคร ก็เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการสมัครสมาชิก imeem.com ค่ะ

4.4.2  วิธีนำโค้ดเพลงจาก imeem ไปแปะบน hi5 ของเรา
1.) ทำการ Log in เข้า imeem.com
2.) ทำการค้นหาเพลงที่ต้องการ โดยพิมพ์ชื่อเพลง เลือกประเภทเป็น Music จากนั้นคลิกที่
Search

3.) เมื่อพบเพลงที่ Search แล้ว ให้คลิกไปที่ชื่อเพลง จะพบหน้าต่างใหม่

4.) เมื่อพบหน้าต่างใหม่แล้ว สังเกตุคำว่า Embed ให้ copy โค๊ดนั้นไว้  และอย่าลืมเช็คเครื่องหมายถูกที่ Auto Play ด้วยนะคะ

5.) ให้กลับมาที่ hi5 ของเรา ไปที่กล่อง Life Style คลิกที่ Edit this section
6.) นำโค๊ดที่ก๊อปปี้มาได้ไปวางในช่อง About Me เมื่อวางโค๊ดแล้วให้คลิก Save Profile ดังรูป

เท่านี้เพื่อนๆ ก็จะมีเพลงเพราะๆ ใน hi5 ของตัวเองแล้วค่ะ