โฆษณาต้านคอรัปชั่น

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

วิธีการแต่ง hi5

1. hi5 คืออะไร

hi5 คือ ที่ๆ เราสามารถพบปะผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้    เราสามารถค้นหาผู้คนที่อยู่หรือเคยอยู่ ภูมิลำเนา  โรงเรียน หรือ  มหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรา  ไม่ว่าเค้าจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ตาม   และ hi5 ยังสนับสนุนให้คุณเปิดกว้างได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ  ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตาม
hi5 คือ ที่ๆ เราจะแบ่งปันสิ่งที่มีความสำคัญให้กันและกัน  ทั้งรูปถ่าย  คลิปวีดีโอคลิป เพลงจากศิลปินคนโปรด ตลอดจนการได้เข้าร่วมกลุ่มเพื่อนๆ ที่เราสนใจ
hi5 คือ ที่ๆ เราได้แสดงความตัวตนของเราอย่างเต็มภาคภูมิ  ด้วยการสร้างและตกแต่งหน้าเว็บ hi5 ในแบบฉบับของตัวเอง  ด้วย แอนิเมชั่นและลูกเล่นเด็ดๆ ที่ใช้งานง่ายมาก

2. ขั้นตอนและวิธีการสมัคร hi5

1.) เข้าไปที่เว็บไซต์ www.hi5.com
2.) คลิกที่ปุ่ม Sign Up  เพื่อสมัครค่ะ

3.) จะพบว่ามีหน้าให้กรอกรายละเอียดอยู่ 3 หน้า ให้กรอกรายละเอียดให้ครบ ดังนี้
 - หน้าแรกหัวข้อ Name & E-mail ให้กรอก ชื่อ-นามสกุล , อีเมล์  และ ตั้งรหัสผ่าน
- หน้าที่ 2  Personal Information  หรือ ข้อมูลส่วนตัว  เลือกข้อมูลส่วนตัว ดังนี้  เพศ  , วันเกิด , ภาษาที่ใช้(English) , ประเทศที่เราอยู่ , เมืองที่เราอยู่
- หน้าที่ 3  Upload A Photo หรือ การเลือกรูปแทนตัวเราค่ะ คลิกปุ่ม Browse เพื่อเลือกรูปแทนตัวเรา ซึ่งไฟล์รูปต้องเป็นไฟล์ นามสกุล jpg , gif , .bmp  หรือ png  และขนาดไฟล์รูปภาพต้องไม่เกิน 10 MB  เรียบร้อยแล้วคลิกที่ปุ่ม Upload ค่ะ
หมายเหตุ  หากต้องการกลับไปแก้ไขข้อมูล สามารถคลิกที่ < Back หรือ Next > ที่อยู่ด้านล่างได้เลยค่ะ
3. วิธีค้นหาเพื่อน
เราสามารถค้นหาเพื่อนที่ถูกใจได้ด้วยวิธีง่ายๆ  2 วิธี  คือ
วิธีแรก   ที่ช่อง Search  ด้านบนของ hi5.com  เราสามารถใส่ คำหรือคีย์เวิร์ด(keyword) เพื่อค้นหา ชื่อเพื่อน (People) หรือ ชื่อคลิปวีดีโอ (Videos) ที่ต้องการ ซึ่งวิธีค้นหาจะคล้ายกันกับการค้นหาข้อมูลใน Google.com นั่นเองค่ะ  เมื่อใส่เรียบร้อยแล้วก็ให้กดปุ่ม Enter ในคีย์บอร์ดหรือคลิกที่ปุ่ม Go  
ก็จะแสดงรายชื่อเพื่อนๆ ที่ต้องการค้นหาดังรูปภาพด้านล่าง และหายังค้นหาไม่พบก็สามารถที่จะค้นหาอย่างละเอียดได้อีกด้วย
วิธีที่ 2  ค้นหาตามภูมิลำเนา(SEACH IN CITY)  หน้าแรกของ hi5 จะมีช่องให้กรอก Country (ประเทศ) และ City (เมือง) ก็ให้เพื่อนๆ พิมพ์ชื่อประเทศ และเมืองที่เพื่อนต้องการค้นหา จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Find Friends
เจอคนที่อยากรู้จักแล้วก็อย่าลืมขอเค้าเป็นเพื่อนล่ะ
- คลิกที่รูปเพื่อนได้เลย เพื่อแวะเข้าไปเยี่ยมเยียน hi5 ของเพื่อน
-  จากนั้นก็คลิก Add as a Friend เพื่อขอเพื่อนคนนั้นเป็นเพื่อนค่ะ

4. เริ่มต้น ตกแต่ง hi5

เสน่ห์ของ hi5 นอกจากจะเป็นที่รวมเพื่อนๆ ที่ถูกใจเราแล้ว ยังเป็นที่ๆเราสามารถแสดงออกถึงความเป็นตัวของเราเองได้อีกด้วย  ดังนั้นการตกแต่งประดับประดาหน้าเว็บ hi5 ของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจและสวยงามในสไตล์ที่เราชอบ  

4.1 สร้าง URL ให้ hi5 ของเราเสียก่อน       
การไม่มี URL เปรียบเหมือนกับเราไม่มีที่อยู่เพื่อติดต่อเพื่อนๆจะติดต่อทีก็ลำบาก  มาสร้าง URL ให้ hi5 ของเราด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1.)  Sign in เข้า hi5  ก่อนค่ะ โดยการกรอกอีเมลที่ใช้สมัคร และพาสเวิร์ด
2.) คลิกที่เมนู Profile  จากนั้น ในช่อง Choose a personal hi5 URL!  ให้ทำการตั้งชื่อตาม URL ที่ต้องการ (ส่วนใหญ่ชื่อมักจะซ้ำ ให้เพื่อนๆ อดทนหาชื่อดีๆ จำง่ายๆ กันหน่อยนะคะ)  เรียบร้อยแล้วคลิกที่ปุ่ม Save
4.2  เลือก Skin สวยๆ  กันเถอะ
Skin (สกิน) คือ หน้ากาก หรือรูปร่างหน้าตาของ hi5 ที่เพื่อนๆ สามารถเลือกมาตกแต่ง hi5 ของเราให้ดูสวยงามขึ้นได้
1.) Sign in เข้า hi5  ก่อนค่ะ  จากนั้นคลิกที่เมนู Skin my Profile
2.) มี Skin มากมายให้เพื่อนเลือกไปแต่ง  หากต้องการทดสอบดูก่อนก็ให้คลิกที่ปุ่ม Preview หรือถ้าต้องเลือกใช้เลยก็ให้คลิกปุ่ม Use Skin เรายังสามารถที่จะเลือกskinอื่นๆ ได้อีกมากมายโดยคลิกที่ปุ่ม Next  ค่ะ

3.) ถ้าวันนึงเกิดเบื่อ Skin เดิมๆ  เราก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้โดยคลิกที่ Change my Skin จากนั้นก็เข้าเลือก Skin ใหม่ๆ กันได้เลยค่ะ

4.3  ใส่ลูกเล่นสวยๆ ด้วย Widget
Widget เป็นโปรแกรม เล็กๆ สวยๆ ที่เราสามารถนำมาใส่ใน hi5 เพื่อเพิ่มจุดเด่นและความน่าสนใจค่ะ   และเนื่องจาก Widget มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย  ในบทความนี้จึงขอยกตัวอย่างการติดตั้งWidgetบางตัวที่เห็นว่าน่าใช้และได้รับความนิยมสูงค่ะ 
1.) Log in เข้า hi5  ก่อนค่ะ  จากนั้นคลิกที่เมนู Add A Widget

2.) เมื่อคลิกเข้ามาแล้ว จะพบกับ widget หลายตัว   ทั้ง สไลด์รูปภาพ ,  คลิปวิดีโอ , เกม Glitter Text  สามารถเลือกใส่ได้ตามใจชอบ   ในที่นี้ขอแนะนำ การทำสไลด์รูปภาพ ด้วย Widget ยอดฮิต ที่ชื่อ  Slide Shows ค่ะ

3.)  จะเข้าสู่เว็บ Slide.com เริ่มต้นด้วยการคลิกเมนู My Files เพื่อเข้าไปเลือกรูปภาพทำการสร้างสไลด์

4.) ขั้นตอนถัดมา  ให้คลิกที่ปุ่ม Browse  และเมื่อเลือกรูปภาพจากในเครื่องของเรา

5.) ได้รูปมาครบแล้วเราก็ทำการอัพโหลดโดยคลิกที่ปุ่ม   Upload faster -- click here! ดังรูป

6.)  ตอนนี้อัพโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

7.) คลิกที่ปุ่ม SAVE (get code)

8.) คลิกที่ปุ่ม ADD To hi5 ดังรูป

9.) จากนั้นจะพบหน้าต่าง Congratulation ให้คลิกที่ Return To hi5 เพื่อกลับมาที่ hi5 ของเรา
สไลด์โชว์ที่ได้จะไปอยู่เข้าไปอยู่ในกล่อง Widget เรียบร้อยแล้วค่ะ  เท่านี้เพื่อนๆ ก็ได้สไลด์โชว์เก๋ๆ ไว้ประดับ hi5 ขอเราแล้วล่ะค่ะ

4.4 ใส่เพลงยอดฮิตใน hi5
เพื่อนๆ สามารถนำโค้ดเพลงจากเว็บไซต์ Imeem.com มาแปะใน hi5 ของเราได้ด้วยขั้นตอนดังนี้ค่ะ
4.4.1  สมัคร imeem.com กันก่อน
1.) เข้าเว็บ www.imeem.com จากนั้นให้ทำการ สมัครสมาชิกโดยคลิกที่ปุ่ม Sign Up! ดังรูป

2.) กรอกรายละเอียดการสมัคร  เรียบร้อยแล้วคลิก Sign Up ดังรูปค่ะ
           
3.) เข้าไปที่อีเมล์ที่เราใช้สมัคร จากนั้นเข้าไปเช็คอีเมล์ที่ Inbox  เราจะพบว่ามีหัวข้ออีเมล์ที่ชื่อ imeem support ดังรูป

4.) เปิดอีเมล์ และคลิกลิงค์ดังรูปเพื่อ  Confirm การสมัคร ก็เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการสมัครสมาชิก imeem.com ค่ะ

4.4.2  วิธีนำโค้ดเพลงจาก imeem ไปแปะบน hi5 ของเรา
1.) ทำการ Log in เข้า imeem.com
2.) ทำการค้นหาเพลงที่ต้องการ โดยพิมพ์ชื่อเพลง เลือกประเภทเป็น Music จากนั้นคลิกที่
Search

3.) เมื่อพบเพลงที่ Search แล้ว ให้คลิกไปที่ชื่อเพลง จะพบหน้าต่างใหม่

4.) เมื่อพบหน้าต่างใหม่แล้ว สังเกตุคำว่า Embed ให้ copy โค๊ดนั้นไว้  และอย่าลืมเช็คเครื่องหมายถูกที่ Auto Play ด้วยนะคะ

5.) ให้กลับมาที่ hi5 ของเรา ไปที่กล่อง Life Style คลิกที่ Edit this section
6.) นำโค๊ดที่ก๊อปปี้มาได้ไปวางในช่อง About Me เมื่อวางโค๊ดแล้วให้คลิก Save Profile ดังรูป

เท่านี้เพื่อนๆ ก็จะมีเพลงเพราะๆ ใน hi5 ของตัวเองแล้วค่ะ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของการแต่งหน้า

                           เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของการแต่งหน้า

1.รองพื้นสีไม่เข้ากับผิวหน้า

ไม่ว่าสีของรองพื้นจะเข้มเกินไปหรืออ่อนเกินไป เมื่อใช้แล้วจะไม่ทำให้ผิวเป็นไปตามธรรมชาติ มองดูเหมือนสวมหน้ากาก ดังนั้นวิธีการเช็คสีของรองพื้นมีข้อแนะนำว่า ควรเช็คกับสีผิว โดยเช็คกับปลายคาง ทางบ่างๆ จะมองดูความกลมกลืนได้สมจริวกว่า เพราะทาที่หลังมือจะได้โทนสีที่ต่างไป ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกสีเครื่องสำอางที่จะใช้ในเวลากลางวัน ซึ่งดีกว่าเลือกสีภายใต้แสงนีออน

วิธีทดลองว่ารองพื้นใช้ได้ดีกับสีผิวหรือไม่ให้ใช้ฟองน้ำชื้นๆ ช่วยเพราะจะทำให้ติดทนเนียน การทารองพื้นตรงบริเวณที่คางกับที่คอจะต้องให้มองดูเป็นสีเดียวกัน จึงจะดูไม่หลอกตา
2.การใช้แป้งแข็งมากเกินไป

แป้งแข็งจะช่วยให้รองพื้นเรียบและสวยงาม ติดทนอยู่บนใบหน้า แต่ถ้าใช้มากเกินไปจะมองดูผิวหน้าหนา วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้ผิวหน้ากลมกลืนให้ใช้แปรงปัดแก้มขนาดใหญ่ เมื่อใช้พัฟฟ์หรือสำลีกลมๆ แตะแป้งแข็งทาหน้า แล้วทิ้งไว้ 2-3 นาที ใช้แปรงอันใหญ่ปัดส่วนเกินออก จึงจะทำให้ผิวหน้านวลเนียน
 3.การใช้ครีมปกปิดบนใบหน้า

การใช้ครีมปกปิดริ้วรอย ตามรอยตีนตา ต้องใช้อย่างระมัดระวัง อย่าให้เป็นวงดำ และระวังอย่าใช้ครีมสีอ่อนกว่าผิว จากนั้นจะต้องทาเกลื่อนให้เนียน ถ้าไม่ทำเช่นนี้จะทำให้บริเวณรอยที่ต้องการปกปิด จะกลายเป็นจุดดึงดูดสายตาของผู้มอง

4.การพรางจุดที่บกพร่องบนใบหน้า

จากศิลปะการแต่งหน้าสามารถแต่งหน้าให้ดูกรามเล็กลง มองดูจมูกโด่ง มองดูหน้าผากแคบเข้า ใช้วิธีแรเงาด้วยแป้งแข็ง หรือรองพื้นที่สีเข้มกว่าผิว  แต่ต้องระวังไม่ให้เข้มจนเกินไป ควรเลือกสีที่เข้มกว่าให้เหมาะสม และวิธีที่ดีที่สุดในการเลือกสีเปรียบเทียบควรเลือกในเวลากลางวันดีกว่าเวลากลางคืน

5.การใช้แปรงปัดแก้ม

ใช้แปรงแต้มรูจปัดแก้มเล็กน้อย จะทำให้มองดูผิวพรรณมีสุขภาพดี เพิ่มความสดใสมีชีวิตชีวา แต่ถ้ามากไปจะมองดูเวอร์เกินไป เลือกใช้แปรงปัดแก้ม แต้มรูจที่มีสีเหมาะกับผิว รูจสีกุหลาบใช้สำหรับผิวขาวซีด สีชมพูสำหรับคนที่มีผิวปานกลาง และสีน้ำตาลอมทอง สำหรับผู้ที่มีผิวสีเข้ม ใช้ส่วนที่กว้างที่สุดของแปรงทาแก้มปาดแปรงไปตามโหนกแก้มจนถึงขมับ ปัดให้บางเบาระวังอย่าให้เป็นเส้นเป็นใช้ได้



6.ก่อนทาริมฝีปากด้วยลิปสติค ควรจะใช้ดินสอเขียนขอบปาก

เพื่อริมฝีปากที่ได้รูป และกันไม่ให้ลิปสติคเปรอะออกมานอกขอบปาก ควรใช้ดินสอเขียนปากเสียก่อน เส้นรอบปากที่ได้รูปจะช่วยเน้นให้มองเห็นริมฝีปากที่สวยได้รูป จุดหลักที่จะให้เส้นขอบปากเข้ากับลิปสติคที่ทา ควรทาลิปสติคอย่างเบามือ หรือใช้พู่กันทาลิปสติกทาลงบนริมฝีปาก ทำให้ลิปสติกสม่ำเสมอ เลือกดินสอวาดขอบปากที่สีใกล้เคียงกับสีปากโดยธรรมชาติที่สุด

7.การแต่งหน้าที่สีไม่เข้ากับผิวหน้าจะทำให้มองดูไม่สวย

 การเมคอัพแก้มและปากสีจะต้องกลมกลืนไปในโทนเดียวกัน เช่นจะไม่ใช้ลิปสติคสีแดง และใช้รูจทาแก้มสีแดงอมส้ม ไม่ควรแต่งหน้าให้ส่วนหนึ่งส่วนใดมองดูเด่นกว่าส่วนอื่น ถ้าทาตามากเกินไปจะทำให้จุดสนใจอยู่ที่ตา ไม่ใช้ที่แก้มและริมฝีปาก




8.การโรยกากเพชร

การแต่งหน้าแบบโรยกากเพชรจะทำให้ใบหน้ากระด้างดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งจะเน้นให้มองเห็นจุดบกพร่องบนใบหน้า การโรยกากเพชรที่ตา โหนกแก้ม ริมฝีปากที่ทาลิปสติคแล้ว จะทำให้มองดูใบหน้าเวอร์เกินไป แต่ถ้าต้องการให้หน้ามีแสงวูบวาบ ก็ให้ใช้กากเพชรโรยใต้คิ้ว จะทำให้หนังตามีประกายสดใสช่วยดึงดูดให้มีผู้มองดูอย่างเหลียวหลัง

9.ทาอายแชโดว์อ่อนเกินไปหรือเข้มเกินไป

การทาอายแชโดว์เป็นการเน้นดวงตา ถ้าทาหนักมือหรือใช้สีที่เข้มเกินไป จะทำให้มองดูตาแห้งแล้ง ในขณะที่แต่งดวงตาจะเริ่มที่จุดกึ่งกลางตา สำหรับเวลากลางวันควรใช้สีประกอบด้วยโทน 3 สี คือสีน้ำตาลเข้ม สีสนิมเหล็ก และสีเบจ ปัดส่วนที่เข้มที่สุดไปตามรูปตา แล้วไฮไลท์เปลือกตาด้วยสีที่อ่อนที่สุบริเวณใต้คิ้ว




10.ทาเส้นขอบตาหนา ดำเกินไป

การทาขอบตาด้วยสีเข้มหนาหนักเกินไป ไม่เหมาะสำหรับเวลากลางวัน ถ้าใช้ชนิดน้ำควรเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบดินสอเขียนที่นุ่มๆ หรือไม่ก็เป็นดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาล เทา หรือเลือกสีที่เข้ากับสีทาตา เช่น น้ำเงิน-เทา พลัม เขียว วาดเส้นขอบตาบนจากขอบตาด้านในออกมาข้างนอก และวาดเส้นขอบตาล่างจากกึ่งกลางตาออกมาแล้วปัดให้มองดูกลมกลืนกันด้วยคัดตอนบัด

11.การใช้มาสคาร่า

การแต่งหน้าที่มองดูมากเกินไปอยู่ที่การใช้มาสคาร่า มาสคาร่าที่ทาหนาๆ บนขอบตาจะช่วยเน้นให้มองเห็นจุดเด่น ให้ใช้มาสคาร่าตอนล่างหรือบนขอบตาเท่านั้น แล้วใช้แปรงเบาๆปัดขนตาอีกนิดหน่อย เท่านี้พอแล้ว ถ้าทามากจะดูเหมือนตาถลนกลายเป็นไม่สวย ควรเริ่มแต่งแต้มแต่เพียงเบาๆ ก่อน จนแน่ใจว่าทาแล้วสวยจึงจะบรรจงใช้ให้ถูกใจ


12.วิธีทดสอบผิวหน้า

 วิธีการทอสอบผิวหน้าว่าจะเหมาะกับสีผิวของบลัชออนทำได้ดังนี้ ใช้กระดาษขาว 1 แผ่น วางแตะไว้ใต้คาง แล้วส่องกระจกโดยใช้แสงธรรมชาติ หรือแสงแดดดูรอยที่สะท้อนลงบนแผ่นกระดาษแล้วพิจารณาเงาที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

 -ถ้าเงาสะท้อนเป็นสีเบจ เป็นสีเทาแกมแดง หรือสีเหมือนทราย แสดงว่าผิวหน้ามีสีขาว ให้ใช้แป้งฝุ่นสีแดงปนเหลือง หรือสีดินที่ออกม่วง

 -ถ้าเงาสะท้อนเป็นสีเหลืองแสดงว่า เรามีผิวขาวซีด ให้ใช้แป้งฝุ่นสีแดงปนเหลือง ที่อ่อนกว่าผู้มีผิวสีขาว หรือสีกุหลาบชมพูอมม่วง

 -ถ้าเงาออกสีแดงเรื่อๆ แสดงว่าผิวหน้าออกแดง ให้ใช้สีบรอนซ์ หรือสีออกแดง สีเหลืองปนแดง หรือสีอิฐออกแดงหรือแดงแสด

 -ถ้าเงาสะท้อนออกเป็นสีเขียวให้ใช้สีชมพูเข้มหรือสีแดงสด

-ถ้าผิวหน้าค่อนข้างคล้ำควรใช้แป้งฝุ่นสีแดงแก่หรือแดงผสมสีน้ำตาลไหม้

ความรู้เรื่องการเลือกโทนสี

สีสันคือสิ่งปรากฎชัดที่สุดบนใบหน้า และคุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งของสี คือสามารถก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างแก่ผู้มองเห็นได้

-สีแดง หมายถึง มีเสน่ห์ ร้อนแรง โดดเด่น

-สีชมพู หมายถึง นุ่มนวล อ่อนหวาน

-สีส้ม หมายถึง มีชีวิตชีวา เร่งเร้า กระตือรือร้น

-สีเหลือง หมายถึง ร่าเริง เบิกบาน

-สีเขียว หมายถึง สดชื่น สงบ เยือกเย็น

-สีฟ้า หมายถึง สดใส ผ่อนคลาย

-สีน้ำเงิน หมายถึง ภูมิฐาน สง่างาม

-สีม่วง หมายถึง  ดึงดูดใจ ลึกลับ หรูหรา

-สีน้ำตาล หมายถึง  อบอุ่น สุขุม เรียบง่าย

การเลือกใช้โทนสีไม่มีหลักเคร่งครัดให้ต้องยึดถือปฏิบัติ เช่นการแต่งหน้าแบบอ่อนหวาน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แต่สีชมพูสีเดียว หรือแบบสง่างามก็ไม่จำเป็นต้องใช้สีน้ำเงินเท่านั้น เพียงแต่นำโทนสีที่บอกอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเองและสถานการณ์เท่านั้นก็พอ

ยกเว้นการแต่งหน้าแบบสมาร์ทที่น่าจะกำหนดไว้ให้แต่งด้วยนกลุ่มสีเอิร์ธโทน อันมีสีน้ำตาลเป็นสีพื้นหลัก จึงจะเหมาะสมที่สุด

แต่งหน้าโทนร้อน-โทนเย็น

-โทนร้อน
หมายถึงสีที่มีพื้นสีเหลืองผสมอยู่เป็นหลัก เช่นสีส้ม สีน้ำตาล สีแดงที่ใกล้เคียงมาทางส้ม

-โทนเย็น หมายถึงสีทีมีพื้นสีเป็นสีน้ำเงิน เช่น สีฟ้า สีเขียว สีชมพู สีม่วง สีแดงที่ใกล้เคียงมาทางม่วง เป็นต้น
ในความเข้าใจของคนส่วนใหญ่เข้าใจว่า หากแต่งหน้าโทนร้อนก็ต้องแต่งโทนร้อนทั้งหน้า หรือหากแต่งโทนเย็นก็ต้องเย็นให้หมดทุกส่วน แต่อันที่จริงไม่จำเป็นเลย การแต่งตาโทนร้อนนั้นใช้ได้กับคนไทยทุกคนอยู่แล้ว เพราะเราใช้สีน้ำตาลช่วยในการเฉดดิ้งและแก้ไขรูปตาให้มีมิติ

จากนั้นจะทาปากโทนร้อนหรือเย็นก็ได้ทั้งนั้น หรือแม้จะแต่งตาด้วยสีโทนเย็นเราก็ยังต้องมีโทนร้อน คือสีน้ำตาลแก้ไขรูปตาไว้ก่อนอยู่แล้ว

ฉะนั้นจะทาปากโทนเย็นหรือร้อน ก็ยังไปด้วยกันได้เหมือนเดิม สรุปแล้วคือ จะเป็นสีโทนร้อนหรือโทนเย็น ไม่น่าจะเป็นเงื่อนไขให้ต้องคำนึงถึงในการแต่งหน้า

10วิธีลดความอ้วน

 
 เนื่องจากการมีรูปร่างที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ดึงดูดใจผู้คนให้เหลียวมอง และเราก็ตระหนักได้ว่านี่ไม่ใช่แฟชั่นที่มาและไปเช่น แฟชั่นเสื้อผ้า ทรงผมหรือแฟชั่นอื่นๆ ความต้องการมีรูปร่างที่ผอมบางสมส่วนราวกับดารานางแบบ เป็นสิ่งดึงดูดใจสาวไทยและเป็นที่ชื่นชอบของชายหนุ่มไทยมีอยู่มานานแล้ว ที่ สำคัญแนวโน้มความต้องการก็สูงขึ้นอย่างชัดเจน จะเห็นได้จากธุรกิจความสวย ความงามที่เติบโตขึ้นมามากมาย เพื่อตอบรับต่อกระแสดังกล่าว แต่อันที่จริงแล้วการมีรูปร่างที่ดีนั้นไม่ได้อยู่แค่รูปร่างที่อยากมีอยาก ได้ แต่อยู่ที่ความสมส่วน กล้ามเนื้อกระชับ ประกอบกับสุขภาพที่ดี ดูแข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินเสียทองเป็นหมื่นเป็นแสนในการซื้อความสวยงาม เหล่านั้น เพราะเรามีวิธีง่ายๆสำหรับหนุ่มสาวที่อยากมีรูปร่างที่ดูดีและมีสุขภาพด้วย ตนเองมาฝาก ซึ่งหากคุณทำได้ดังนี้แล้วความสวยหล่อดูดีมีเสน่ห์ก็จะมาหาคุณเอง โดยไม่ต้องกังกลเรื่องความอ้วนและโรคภัยต่างๆให้เสียเวลา



   1.

      เตรียมวางแผนการกินล่วงหน้า สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสนุกกับการเตรียมรับมือกับอาหารมื้อต่างๆที่จะต่อต้าน ความอ้วนของคุณ คุณสามารถเลือกและบังคับให้ตนเองรับประทานหรือไม่รับประทานอะไร ซึ่งหากคุณทำได้อย่างที่วางแผนไว้ ถือว่าคุณประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักแล้ว
   2.

      เปลี่ยนวิธีรับประทานของคุณ บางคนชอบรับประทานเร็วเกินไป จะทำให้คุณอิ่มน้อยเพราะกระเพาะยังไม่ทันทำงาน คุณก็รู้สึกอยากรับประทานเพิ่มอยู่เรื่อยๆ บางคนชอบรับประทานช้าเกินไปก็จะทำให้จำกัดปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไปไม่ ได้เช่นกันเนื่องจากการทิ้งระยะเวลาไว้นานเกินไป ทำให้คุณรู้สึกว่าไม่อิ่มหรืออิ่มช้า และอีกหลายคนชอบรับประทานจุกจิก ซึ่งลักษณะนิสัยเช่นนี้อาจเสี่ยงต่อโรคต่างๆที่เกี่ยวกับความอ้วน บางคนคิดว่ารับประทานข้าวน้อยในมื้อต่างๆ เลือกที่จะรับประทานจุกจิกแทน ไม่ทำให้อ้วน ซึ่งนั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง เพราะถึงอย่างไร กระเพาะต้องทำงานตลอดเวลา ทำให้ย่อยไม่หมดหรือย่อยไม่ทัน ก็ไปสะสมอยุ่ที่ส่วนอื่นของร่างกาย ไม่ได้ถูกนำไปใช้ ดังนั้นคุณควรหันมากินอาหารให้ตรงเวลา เป็นมื้อๆ ครบทั้งสามมือ และกินในเวลาที่พอเหมาะ ไม่รีบหรือไม่ช้าจนเกินไป อีกทั้งควรกินอย่างพอดีๆไม่ใช่กินเพราะเสียดายหรือเพราะความอร่อย

       
   3.

      วางตารางการออกกำลังกายในวันเดิมและเวลาเดิม การออกกำลังกายจำเป็นจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะนั่นจะทำให้ร่างกายของคุณเตรียมพร้อมต่อการทำงานแบบต่างๆ มีภูมิต้านทานโรคที่ดี มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ป่วยง่าย คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน แต่สามารถเลือกวันหรือจัดตารางให้เป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของคุณ โดยต้องทำซ้ำๆหรือทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรผลัดวันหรือทำแบบตามใจตนเอง โดยที่คุณควรออกกำลังกาย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-60นาที
   4.

      ออกกำลังกายแต่เช้าทำให้มีโอกาสน้อยที่จะพลาดการออกกำลัง กาย เพราะในแต่ละวันคนส่วนใหญ่มักตื่นไปทำงานแต่เช้ากลับบ้านก็ดึกดื่น จนแทบไม่มีเวลาทำอย่างอื่น คุณควรแบ่งเวลาตอนเช้าเอตื่นนอนเพื่อออกกำลังกายในทุกวัน วันเว้นวัน หรือวันที่กำหนดในแต่ละสัปดาห์ และเป็นเวลาเดียวกันทุกครั้ง ก่อนไปทำกิจวัตรส่วนตัว สร้างลักษณะนิสัยที่เคยชินเช่นเดียวกับการอาบน้ำ รับประทานอาหาร นั่นก็จะทำให้คุณมีโอกาสได้ออกกำลังกายแล้ว
   5.

      ใช้บันไดแทนลิฟธิ์เสมอ เป็นวิธีที่ถูกแนะนำอยู่เสมอ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความขยันของแต่ละคน เพราะนอกจากเรื่องการเผาผลาญแคลอรี่หรือการกระชับกล้ามเนื้อแล้ว ยังมีเรื่องของการกระตุ้นสมองให้เรามีความตื่นตัวในการทำสิ่งต่างๆได้อีก ด้วย เพราะคุณสาวๆหรือแม้แต่หนุ่มทั้งหลาย อาจรู้สึกง่วงซึมหรืออ่อนเพลียจากการตื่นนอนแต่เช้าจึงเป็นเหตุให้คุณไม่ อยากจะใช้พลังงานให้ร่างกายเหนื่อยอ่อน ทั้งที่จริงแล้วการออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆเป็นผลให้สมองของคุณสั่งการได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการปล่อยให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนตลอดเวลา
   6.

      กำหนดข้อมูลหรือบันทึกการออกกำลังกายและการลดน้ำหนัก วิธีนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คุณรู้จักบันทึกหรือจดจำข้อมูลการรับประทานอาหารของคุณแต่ละมื้อใน แต่ละวันเท่านั้น เพื่อให้คุณทำได้อย่างสม่ำเสมอ เหมือนการจดบันทึกประจำวันทั่วไปเพื่อการวางแผนการกินหรือการออกกำลังกายต่อ ไป
   7.

      ไม่เก็บอาหารไขมันสูงๆเช่น ของทอด ขนมกรุบกรอบ อาหารประเภทที่มีส่วนผสมของนม เนย น้ำตาลมากๆ ไว้ในบ้าน อาหารจำพวกนี้เป็นสาเหตุของโรคอ้วน น้ำหนักเกิน หรือแคลอรี่สูง
   8.

      ทำตามแผนการทานอย่างถูกต้องและออกกำลังกายสม่ำเสมอ หมายถึงการรับประทานอาหารตามแผนการลดน้ำหนักของคุณควบคู่กับแผนการออกกำลังกาย
   9.

      พักผ่อนให้เพียงพอ ผลการวิจัยล่าสุดบอกว่า การนอนหลับที่เหมาะสมและเพียงพอคือ ไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมงและไม่เกิน 8 ชั่วโมง อีกทั้งคุณไม่ควรนอนดึกบ่อยๆเพราะนอกจากจะทำให้อ้วนขึ้นเนื่องจากการทำงาน ของกระเพาะที่ผิดเวลาแล้ว ปัญหาใต้ตาดำคล้ำก็จะเพิ่มความชัดเจนของใบหน้าคุณให้มากขึ้นด้วย
  10.

      ต้องตระหนักในเป้าหมายเข้าไว้ คุณต้องพยายามทุ่มเทเพื่อไปถึงเป้าหมายให้ได้โดยการตระหนักไว้เสมอว่า เราต้องผอมลงเท่าใด โดยอาจจะเริ่มที่ระยะเวลาสั้นๆ เช่น 3 สัปดาห์ หรือ 1 สัปดาห์ อย่าท้อถอยหรือถอดใจเสียก่อน เพราะผลสำเร็จที่จะได้ขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณเอง

          หลังจากเราได้ทราบวิธีการง่ายๆในการดูแลเรื่องรูปร่าง น้ำหนัก และสุขภาพของคุณ ต่อมาเราลองมาดูกันว่า 8 ประเภทอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพนั้น ควรเป็นอย่างไร

1.อาหารประเภทไฟเบอร์เป็นอาหารสำคัญที่ช่วยในการลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์แบบสามารถละลายได้ หรือไฟเบอร์ที่ไม่สามารถละลายได้

- ไฟเบอร์ที่ไม่สามารถละลายได้ เป็นอาหารปราศจากแคลอรี่ ได้แก่พวกผัก ผลไม้ ขนมปังโฮลวีท ซีเรียล รำข้าว

- ไฟเบอร์ที่สามารถละลายได้ ช่วยให้น้ำตาลในเลือดคงที่ ควบคุมความหิว และความอยาก แม้แต่ชะลอการย่อยในลำไส้ ทำให้รูกสึกอิ่มนาน อาหารประเภทนี้ได้แก่ สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ล ข้าวโอ๊ต ถั่วชิกพี และถั่วลันเตา


2. อาหารที่ฉ่ำน้ำ ผลไม้และผักที่มีปริมาณน้ำข้างในเยอะจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็ว เช่น แตงโม กระหล่ำ มะเขือเทศ แตงกวา เห็ดต่างๆ ส้มโอ และแคนตาลูป
3. อาหารโปรตีนน้อย เช่น อกไก่ ทูน่ากระป๋อง ปลาแซลมอนสดและแซลมอนกระป๋อง ไข่ขาว ปู กุ้ง อกไก่งวง เต้าหู นมไขมันต่ำ และถั่วเลนทิล ปลานิล
4. อาหารที่กระตุ้นการทำงานของคุณ ได้แก่ ถั่วต่างๆ เช่นถั่วลิสงมีเปลือกกับไม่มีเปลือกและ ถั่วเหลืองในฝักกับถั่วธรรมดา
5. การเคี้ยวหมากฝรั่งนั้นสามารถลดความหิวและความอยากอาหารได้ แต่หมากฝรั่งที่ใช้ควรเป็นหมากฝรั่งแบบชูการ์ฟรีหรือแบบไม่มีน้ำตาล
6.เครื่องดื่มร้อนๆ เป็นวิธีกำจัดแคลอรี่ได้อย่างดีอีกอย่าง เพราะเครื่องดื่มหรือแม้แต่อาหารร้อนๆ ช่วยให้คุณยืดระยะเวลาการกินไปได้ คุณจะต้องค่อยๆจิบหรือชิมทีละน้อยเพราะระวังความร้อน และควรเลือกเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ต่ำกว่า 100 เช่น ชาเขียวและชาสมุนไพร,โกโก้ร้อนแบบไดเอท,กาแฟลาเต้ และคาปูชิโน่ไขมันต่ำ,น้ำซุปที่มีโซเดี่ยมน้อยๆ
7. อาหารเผ็ดๆหรือรสจัด ตามการวิจัยได้พบว่าการกินอาหารรสเผ็ดจะทำให้เรากินอาหารได้น้อยลง เนื่องจากเราต้องกินช้าๆและดื่มน้ำไปด้วย ซึ่งการทำให้อาหารมีรสจัดทำได้โดยใส่พริกและซอสต่างๆ

8. การเหลือที่ให้ขนมคบเคี้ยวที่เราอยากรับประทาน ซึ่งควรเป็นอาหารจำพวก ผลไม้แห้ง อาหารไร้ไขมัน หรือแคลอรี่ต่ำต่างๆ

ความงามใตต้ท้องทะเล

ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :
ความงามใต้ทะเล มาดุกันสวยงามทั้งนั้นเลย :